นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนในกรอบ โดย Flow ยังคงไหลเข้าเอเชีย แต่คงจะเข้าไปที่จีนมากกว่า ภายหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาดีขึ้น ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยต่างรอดูการปรระชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า
ส่วนบ้านเราก็รอดูการประชุมยุทธศาสตร์ในวันอังคารหน้า ซึ่งช่วงนี้ตลาดฯคงจะมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กไปก่อนช่วงรอปัจจัยใหม่เข้ามา อีกทั้งตลาดบ้านเราจะเห็นได้ว่า valuation ค่อนข้างแพงแล้วด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,536-1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550-1,555 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(24 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,083.80 จุด ลดลง 2.83 จุด (-0.02%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,987.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด(+0.05%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,472.11 จุด ลดลง 1.59 จุด(-0.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 58.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 105.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 7.55 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.22 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.50 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(24 ก.ค.)1,543.92 จุด เพิ่มขึ้น 2.36 จุด(+0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,163.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ก.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(24 ก.ค.)ที่ 102.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
ลดลง 1.05 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(24 ก.ค.)ที่ 3.02 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.85/86 อ่อนค่าเล็กน้อย แต่มองแนวโน้มยังไปในทิศทางแข็งค่า
- บอร์ด กสทช. เห็นชอบราคาคูปองทีวีดิจิทัล 690 บาท ส่วนลดซื้อ 2 อุปกรณ์ "จอทีวี-กล่องดิจิทัล" แจก 22.9 ล้านครัวเรือน รวมมูลค่าโครงการ 15,800 ล้านบาท ชง คสช. เคาะ 30 ก.ค. นี้ คาด ก.ย. เริ่มแจก 4 จังหวัดนำร่อง สิ้นปีกระจายคูปอง 11 ล้านครัวเรือน ด้านผู้ประกอบการ"ทีวีดิจิทัล" วอนเร่งแจกคูปอง
- "บีโอเจ" หนุนชาติเอเชียรวมไทย รีโมเดลเศรษฐกิจเติบโตแบบสมดุล รับมือภาวะตระหนก จากกระแสเงินทุนไหลออกช่วงสหรัฐทยอยลดคิวอี แนะทั้งภูมิภาคเพิ่มอุปสงค์ภายในจากชนชั้นกลาง ควบคู่กับการเร่งแก้ปัญหาประชากรศาสตร์ สร้างพลวัตแข็งแกร่งขับเคลื่อนภูมิภาค พร้อมเร่งผู้ดูแลกฎระเบียบใช้นโยบายเศรษฐกิจการเงินผสมผสาน โดยเฉพาะมาตรการดูแลการเงินแบบเฉพาะเจาะจง ป้องกันความเสี่ยงจากสินเชื่อขยายตัวเร็วก่อฟองสบู่
- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยผลสำรวจสถานภาพหนี้ภาคครัวเรือน พฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน ปี 2557 ระหว่างวันที่ 14-20 ก.ค. พบว่า ครัวเรือนไทย 74.8% ของกลุ่มตัวอย่างมีหนี้สินเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีจำนวน 64.6% ถือเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 โดยมีประชาชนเพียง 25.2% เท่านั้นที่ไม่มีหนี้สิน
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของสหรัฐ ออกรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองไทย ว่า แม้การรัฐประหารล่าสุดจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุน แต่หากไม่สามารถเร่งเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจได้ จะส่งผลให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของไทยในช่วง 2-3 ปีนี้อยู่ที่ 3%
- ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เตือนนักลงทุน อย่าแห่ซื้อหุ้นตามกระแสข่าวลือ ควรเลือกลงทุนพื้นฐานของหุ้นเป็นหลัก ยอมรับแม้ที่ผ่านมาหุ้นไทย ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่พีอีระดับ 14 เท่า หากเทียบตลาดหุ้นเพื่อนบ้านอยู่ระดับใกล้เคียงกันถือว่าแพงเกินไป
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 26.90 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต 2%QoQ และ 15%YoY จากการฟื้นตัวจากบริษัทย่อย SIM และบริษัทที่เข้าไปลงทุน ราคาคูปองทีวีดิจิตอลที่ 690 บาทประกาศเมื่อวานนี้แม้ต่ำกว่าคาดที่ 1 พันบาทแต่ไม่มีนัยต่อประมาณการกำไร ขณะที่การเพิ่มสัดส่วนลงทุนใน SIM จาก 57% เป็น 74% ในเดือนส.ค.นี้จะรับรู้กำไรจาก SIM เพิ่มจากเดิม คาดผลประกอบการปี 57-58 เติบโตเฉลี่ย 20%ต่อปี โดดเด่นสุดในกลุ่ม ราคาหุ้น (12.4xPE'57) ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม (23x) ให้ผลตอบแทนปันผลปี 57 ราว 4%
- TOG (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6.10 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต16%YoY การปรับปรุงกระบวนการผลิตช่วยเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 30% โดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องจักร และช่วยทำให้อัตรากำไรดีขึ้น กอปรกับการขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศ (90% ฐานลูกค้า) จะสนับสนุนผลประกอบการปี 57-58 ให้เติบโตกว่าปีละ 24% ราคาหุ้น (12.6 เท่าของ PE ปี 57) ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม (16 เท่า) ให้ผลตอบแทนปันผลราว 6-7% ต่อปี
- RML(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"คาดกำไรปกติ 2Q14 เพิ่ม 5% Q-Q และ 67% Y-Y จากการโอนโครงการ 185 ราชดำริและเดอะริเวอร์ โดยคงประมาณการกำไรปกติปีนี้เติบโต 75% แต่ปรับกำไรปีหน้าขึ้น 30% ทำให้กำไรปี 2015 เพิ่มได้ต่อเนื่อง 6.4% เพราะมีโครงการ UNIXX เริ่มโอนใน 3Q15 ได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 2.60 บาท โดย RML ยังคงเป็นหุ้นที่มี PE ต่ำที่สุดในกลุ่ม เพียง 5.5 เท่าในปี 2015 ขณะที่กลุ่มมี PE เฉลี่ย 9.7 เท่า คาดเงินปันผลตอบแทน 4.7% และราคาหุ้นฟื้นช้าเกือบที่สุดในกลุ่ม