ประกอบกับ เรื่องดังกล่าวมีผลกระทบต่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเงินจำนวนมหาศาล นอกจากนี้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง การปล่อยให้เรื่องเนิ่นช้าออกไปจะทำให้บุคคลที่กระทำความผิดอยู่ในตำแหน่งซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินทางนโยบายที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายเพิ่มขึ้น เช่น การออกประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2556 หรือการออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่หมดสัญญาสัมปทานในย่าน 1800 MHz และย่าน 900 MHz เป็นต้น
น.ส.บุญยืน กล่าวว่า ทางป.ป.ช.ได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวอนุกรรมการป.ป.ช.ได้ชี้มูลไปแล้วว่ามีความผิดจริง แต่ขณะนี้กรรมการชุดใหญ่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาทางเอกสารของกรรมการ กสทช.ที่ถูกกล่าวหาที่ได้ขอชี้แจงเพิ่มเติม คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 31 ก.ค. นี้ กรรมการถึงจะสามารถพิจารณาตัดสินต่อไป พร้อมยื่นยันว่าการตัดสินของกรรมการชุดใหญ่จะมีความอิสระจากอนุกรรมการที่ส่งเรื่องขึ้นมา
“อยากให้ปปช.ชี้มูลคดีนี้ เพราะในอนาคตจะมีการจัดประมูลเกิดขึ้น เพื่อให้การประมูลครั้งหน้ามีความโปร่งใสและเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ เพราะคลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติที่ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แน่นอนว่าเราเชื่อมั่นกับคำตัดสินของป.ป.ช." น.ส.บุญยืน กล่าว