สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 69,732 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 55,867 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 80.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 11,574 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 16.6% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,284 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB296A (รุ่นอายุ 2.9 ปี, 4.9 ปี และ 14.9 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,168 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด(TLT14DA)มูลค่า 244.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด(TLT175A)มูลค่า 240.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัทโตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด(TLT158A)มูลค่า 204.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 689.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,853 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,288 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,552 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.02% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.08% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1 bp. นักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจโลก ซึ่งล่าสุดจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ลดลง 19,000 ราย มาอยู่ที่ 284,000 ราย จากที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 307,000 ราย สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้ มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 8,552 ล้านบาท (ยอด Holding ณ สัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 58,243 ล้านบาท เป็น 774,309 ล้านบาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 716,066 ล้านบาท โดยมียอด Expired เท่ากับ 8,760 ล้านบาท )