"ตามที่กลุ่มทรูมียุทธศาสตร์การปรับฐานด้านการเงิน(Recapitalization)โดยในปี 2013 ได้จัดตั้งกองทุนทรูโกรทหรือ TRUEIF ได้สำเร็จ สามารถลดภาระหนี้ได้ 25,000 ล้านบาท และในปี 2014 บริษัทได้มีนโยบายการเลือกพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partner)ผนวกกับการเพิ่มทุนเพื่อปรับฐานธุรกิจ (Transformation) ให้มีความแข็งแกร่งครบทุกด้านตามเป้าหมายที่วางไว้นั้น ล่าสุด แผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนและการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/57 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าแผนการเพิ่มทุนมูลค่ารวมกว่า 65,000 ล้านบาท"นายศภชัย กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่แบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ให้แก่ไชน่าโมบายล์ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6.45 บาท จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 4,429,427,068 หุ้น มูลค่าประมาณ 28,569 ล้านบาท คิดเป็น 18% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุน
และการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 5,648,285,818 หุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6.45 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 36,431 ล้านบาท มั่นใจว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี และเครือซีพีซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้ทรูฯ ได้รับเงินเพิ่มทุนครบเต็มตามจำนวน Rights Offering โดยคาดว่าการเพิ่มทุนครั้งนี้จะเสร็จสิ้นในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะทำให้กลุ่มทรูสามารถลดระดับหนี้โดยรวม และเสริมฐานการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมเติบโตเป็นผู้นำธุรกิจคอนเวอร์เจนซ์ที่แข็งแกร่งในทุกด้าน และก้าวสู่การแข่งขันระดับภาคพื้นเอเชีย
บริษัทกำหนดระยะเวลาสำหรับการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม ระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม และ วันที่ 25-28 สิงหาคม 57 โดยวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Record Date) คือวันที่ 4 สิงหาคม 2557 โดยวันสุดท้ายที่ซื้อหุ้น TRUE แล้วยังได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทในครั้งนี้ คือ วันที่ 30 กรกฎาคม 57 เนื่องจากได้กำหนด XR (Excluding Right) ที่ผู้ซื้อหลักทรัพย์จะไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่คือ วันที่ 31 กรกฎาคม 57