สาเหตุที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก น่าจะมาจากความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัท RICHY ว่าน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น เนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจหลักคือ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ซึ่งประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม เน้นรอบบริเวณสถานีขนส่งระบบรางในเขตกรุงเทพฯ ภายใต้แบรนด์ “เลอริช" และ “ริชพาร์ค" และโครงการประเภทหมู่บ้านจัดสรรบริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑล ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ริช" และ “ริชชี่ วิลล์" โดยทุกโครงการมีจุดเด่นในเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าในรัศมีไม่เกิน 100 เมตรจากทางขึ้นลงสถานี และที่ผ่านมาก็ขายหมดทุกโครงการ"นางอาภา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารต้นทุนและเวลาในการก่อสร้าง ทำให้สามารถปิดโครการได้ก่อนกำหนดในหลายโครงการ และยังมีจุดเด่นในด้านของความสามารถทำกำไรที่โดดเด่น อัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ณ สิ้นปี 56 ทำได้ถึง 36% ขณะที่ไตรมาส 1/57 แม้เป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่ยังทำได้ถึง 29% และในอนาคตมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีโอกาสในการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานกรรมการบริหาร บล.แอพเพิล เวลธ์ จำกัด ในฐานะแกนนำจัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ RICHY เปิดเผยว่า RICHY จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ และจากการที่นักลงทุนสนใจติดต่อเข้ามาค่อนข้างมากในการเปิดขาย IPO วันแรกนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการกำหนดราคา IPO ที่มีความเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน โดยกำหนดราคา IPO ที่ 3.3
ประกอบกับ RICHY เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และในอนาคตธุรกิจยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีนโยบายขยายงานตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งมีทิศทางการเติบโตที่ดี ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าหุ้น RICHY จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนและน่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ลงทุนได้ เพราะมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนจำนวนมาก
"ในปีนี้แม้ในช่วงครึ่งปีแรกสภาพโดยรวมของอสังหาริมทรัพย์จะไม่คึกคักเท่าใด แต่สำหรับ RICHY กลับยังสามารถสร้างผลงานได้ดีมาก และในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะสร้างผลประกอบการที่น่าประทับใจยิ่งกว่าเดิม เพราะมีโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเปิดขายและรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่ม อันจะเป็นปัจจัยผลักดันผลการดำเนินงานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น"นายประสิทธิ์ กล่าว