ขณะที่บริษัทฯยังมีแผนรุกตลาดต่างประเทศเพิ่ม ได้แก่ ลาวและกัมพูชา โดยการขยายตลาดไปยังลาวขณะนี้เป็นการตั้งจุดบริการขายในแถบชายแดนเท่านั้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการเข้าไปจัดตั้งจุดบริการในทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวได้ภายในปีนี้ หลังจากบริษัทได้เข้าไปตั้งจุดบริการขายในพม่าแล้ว คาดว่ายอดขายต่างประเทศจะเติบโตเฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 50%
นายสุพันธ์ กล่าวถึงแนวโน้มรายได้และกำไรในปี 57 คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกับปีก่อน โดยในปี 56 บริษัทมีรายได้ 18,816.05 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 221.84 ล้านบาท เนื่องจากครึ่งแรกของปีนี้ผลประกอบการต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ปรับตัวลดลงไปพอสมควร และภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของตลาด IT โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้น่าจะลดลงประมาณ 0.5% หรืออยู่ที่ 4% จากปี 56 อยู่ที่ราว 5%
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากสถานการณ์การเมืองที่เริ่มคลี่คลายส่งผลให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากห้างสรรพสินค้าต่างๆ มีการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ขณะเดียวกันการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวมเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มองว่าจะสามารถผลักดันอุตสาหกรรมต่างๆ ให้มีการขับเคลื่อนต่อไปได้
"เรามองว่าไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะปรับตัวดีขึ้น จากการจับจ่ายเริ่มดีขึ้น และตลาด IT ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการซื้อยังมีมากอยู่ มองว่าทั้งปีรายได้และกำไรน่าจะเติบโตใกล้เคียงปีก่อนได้"นายสุพันธุ์ กล่าว
นายสุพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการปรับโครงสร้างบริษัทขณะนี้ตนเองเริ่มลดบทบาทการทำงานให้กับ SYNEX ลงบ้างแล้ว หลังจากได้รับตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ซึ่งจะมีการจัดโครงสร้างทีมผู้บริหารใหม่ โดยต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งตนเองจะยังคงทำงานในฐานะที่ปรึกษาของบริษัทต่อไป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าบริษัทฯจะสามารถดำเนินงานต่อไปได้ จากยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมายขององค์กร