ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ภายหลังจากที่ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ออกมาแล้วไม่ได้มีอะไรที่ Surprise ให้กับตลาดฯ ซึ่งออกมาเป็นไปตามคาด ทั้งลดขนาด QE และยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปอีกอีกพัก ส่วนจีนก็ต้องรอดูว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจจะทำได้อย่างต่อเนื่องไหม
พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด แนวต้าน 1,525 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(30 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,880.36 จุด ลดลง 31.75 จุด(-0.19%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,970.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด (+0.01%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,462.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.20 จุด (+0.45%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 86.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.70 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 73.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 10.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.05 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.34 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(30 ก.ค.)1,518.79 จุด ลดลง 1.76 จุด(-0.12%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,777.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ก.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(30 ก.ค.)ที่ 100.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(30 ก.ค.)ที่ 2.79 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.99/32.01 อ่อนค่าหลังเฟดลด QE-ตัวเลข GDP สหรัฐฯดีกว่าคาด
- "คลัง"เตรียมแพ็คเกจจัด"ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง-มรดก"เสนอ"คสช."หลังได้รับมอบหมายให้ศึกษาแผนจัดเก็บภาษี โครงสร้างภาษีใหม่กำหนดไว้ 3 อัตรา ระบุที่ดินว่างเปล่าไม่ใช้ประโยชน์มีโอกาสเก็บสูงถึง 2% ขณะที่ภาษีมรดกสามารถจัดเก็บได้เฉพาะที่จดทะเบียนในไทยเท่านั้น ย้ำแนวทางปฏิรูปภาษียึดกรอบ 3 แนวทาง หวังลดความเหลื่อมล้ำรายได้ เป็นธรรม และสร้างรายได้เข้ารัฐ ขณะที่ คสช. ยันต้องดำเนินการในยุคนี้ เชื่อผู้ได้รับผลกระทบมีไม่มาก
- สศค.ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)ปีนี้ลงเหลือ 2% หรืออยู่ในกรอบ 1.5-2.5% ซึ่งลดจากประมาณการเดิม 2.6%
- ธปท.เผยสถานการณ์เอ็นพีแอลในระบบปรับตัวดีขึ้น พบปริมาณการเพิ่มขึ้นเอ็นพีแอลลดลงในไตรมาส 2 ของปีนี้ ยอดเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นในระบบ 3.8 พันล้านบาท จากไตรมาสแรกที่มียอดเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 1.41 หมื่นล้านบาท ห่วงธุรกิจ SMEs และสินเชื่ออุปโภคบริโภค โดยเฉพาะหมวดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แม้สินเชื่อแผ่ว แต่หนี้โผล่เยอะ
- สศอ.ปรับเป้า GDP อุตสาหกรรมปีนี้ลดเหลือ 1-2% จากเดิมโต 2-3% ตามทิศทางเศรษฐกิจของไทยหลังครึ่งปีแรกดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ MPI ลดลง 6.1% จากการบริโภคในประเทศชะลอตัวโดยเฉพาะรถยนต์หลังหมดโครงการรถคันแรก
*หุ้นเด่นวันนี้
- TOG(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6.10 บาท ราคาปิดเมื่อวานเริ่มมีความเสี่ยงขาลงจำกัด จากผลตอบแทนปันผลคาดหวัง 7-8% ต่อปี และ PE ปี 2557 ที่ 12 เท่า ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 16 เท่า ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต 16% YoY จากการปรับปรุงกระบวนการผลิตที่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 30% โดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องจักร และทำให้อัตรากำไรดีขึ้น กอปรกับการขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศ (90% ฐานลูกค้า) จะสนับสนุนผลประกอบการปี 57-58 ให้เติบโตกว่าปีละ 24%
- THCOM(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 43 บาท คาดผลประกอบการ 2Q57 จะดีสุดในรอบสิบปีเติบโตโดดเด่นกว่า 117% YoY ที่ 414 ล้านบาท จากอัตราใช้งานเพิ่มขึ้นของไทยคม 5-6 และ IPSTAR, ตั้งแต่ 3Q57 คาดจะเซ็นสัญญาให้บริการ IPSTAR เพิ่มขึ้น, 4Q57 จะเริ่มรับรู้รายได้จากไทยคม 7 และผลักดันให้ผลประกอบการปี 57-58 เติบโตเฉลี่ยกว่าปีละ 33% ราคาหุ้นปัจจุบันตอบสนองเชิงลบมากเกินไปต่อกรณีตรวจสอบผู้ถือหุ้นต่างชาติ
- BH(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 140 บาท แม้ได้รับผลกระทบจากการเมืองในช่วง 2 เดือนแรกของ 2Q14 แต่คาดกำไรปกติเติบโต 10% Y-Y จากการคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพซึ่งเป็นจุดแข็งของ BH มาโดยตลอด เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2014 เติบโต 11% และปี 2015 โตในอัตราเร่งมากขึ้น 19% และคาดจ่ายปันผลงวด 1H14 ที่ 0.90 บาท/หุ้น (Yield 0.8%)
- KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 25 บาท คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารสำหรับการลงทุนระยะกลางขึ้นไปจากได้ประโยชน์โดยตรงเศรษฐกิจฟื้นใน 2H57 และเติบโตในอัตราเร่งในปี 2558 และ KTB ได้ประโยชน์โดยตรง หลังคสช.อนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท พร้อมคาดกำไรสุทธิ 3Q57 จะเติบโต qoq จาก 2Q57 ที่มีการตั้งสำรองพิเศษเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงคาดว่าการตั้งสำรองจะกลับเข้าสู่ระดับปกติใน 3Q57 อีกทั้งValuation อยู่ในระดับที่ยังค่อนข้างถูก และให้ Dividend Yield ในเกณฑ์ดีราว 4.5% ต่อปี