นอกจากนี้ หน่วยเพิ่มมูลค่าน้ำมันเตา(DCC Plant) ซึ่งอยู่ใกล้หน่วย VGOHT ขณะนี้กลับมาเดินเครื่องได้ 70% แล้ว และนำเข้าวัตถุดิบทดแทนไปก่อนทำให้ลดผลกระทบลงไปได้มาก โดยก่อนหน้าได้ปิดซ่อม 20 วันและเริ่มเดินเครื่องเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะซ่อมหน่วย VGOHT ได้เสร็จราวต้นปี 58
ทั้งนี้ บริษัทได้ทำประกันภัยไว้ 1.2 พันล้านเหรียญ โดยตามเงื่อนไขบริษัทจะจ่ายค่าเสียหายของอุปกรณ์จำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐนอกนั้นเคลมประกันได้ และค่าประกันจากธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interuption) เดือนละ 5 -10 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทจะจ่ายเอง 2 เดือนนอกเหนือจากนั้นบริษัทสามารถเคลมประกันได้ ซึ่งขณะนี้เจรจากับบริษัทประกันที่คาดว่าจะได้รับคืนเงินประกันบางส่วนภายในปีนี้
นายสุกฤตย์ กล่าวว่า แนวโน้มครึ่งหลังปีนี้ ธุรกิจปิโตรเคมี ได้แก่ อะโรเมติกส์ และ โอเลฟินส์ มีส่วนต่างราคา(สเปรด)ดีขึ้นมามากกว่าปีก่อน ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นค่อนข้างไม่ดี โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตาลงไปมากจากความต้องการใช้ลดลง ทำให้มาร์จิ้นลดต่ำลงมากซึ่งโรงกลั่นอยู่ไม่ได้ จึงคาดว่าเร็วๆนี้ตลาดโลกน่าจะมีการลดกำลังการผลิตลง ซึ่งคาดใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนในการปรับลดปริมาณน้ำม้นสำเร็จรูปในตลาดโลก ก็อาจจะทำให้ธุรกิจโรงกลั่นน่าจะปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเป้าหมายค่าการกลั่นรวม (GIM) ปีนี้อยู่ที่ 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมาจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร (DELTA) ประมาณ 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรก GIM อยู่ใกล้เคียง GIM ในปีที่แล้วที่อยู่ 6.9เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล "แนวโน้มครึ่งปีหลังมองยากมาก ปิโตรเคมี ทั้งอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ สเปรดดีกว่าปีที่แล้ว แต่โรงกลั่นยังไม่ดี ดูภาพโดยรวมก็ยังต้องลุ้น"นายสุกฤษต์ กล่าว