ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 2/57 ของ TUF ไว้ที่ 1,180-1,214 ล้านบาท เติบโตทั้ง yoy และ qoq อันเป็นผลจากธุรกิจกุ้งฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่หมดเรื่องโรคตายด่วน(EMS) และธุรกิจทูน่าเป็นบวกจากการปรับราคาขายทูน่าเพิ่มขึ้น และมีปริมาณการขายสูงขึ้น รวมถึงราคาวัสดุดิบลดลง ทำให้มาร์จินดีขึ้น
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 57 ไว้ที่ 4,900-5,200 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,853 ล้านบาท โดยหลักมาจากธุรกิจทูน่าและธุรกิจอาหารในอเมริกา USPN
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ธนชาต ซื้อ 88.00 บล.ทิสโก้ ซื้อ 81.00 บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 80.00 บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 78.00 บล.เคทีบี(ประเทศไทย) ซื้อ 75.00 บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 75.00 บล.บัวหลวง ซื้อเก็งกำไร 73.00 บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ขายทำกำไร 64.00
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า TUF จะมีผลประกอบการที่ Turnaround ฟื้นตัวชัดเจนในปีนี้จากธุรกิจกุ้ง และธุรกิจทูน่าที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 57 ไว้ที่ 5,200 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,853 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดการณ์ผลกำไรงวดไตรมาส 2/57 ของ TUF ไว้ที่ 1,180 ล้านบาท เติบโต 229% yoy และเติบโต 24% qoq อันเป็นผลจากธุรกิจกุ้งฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่หมดเรื่องโรคตายด่วน(EMS)ในกุ้ง และธุรกิจทูน่าก็มองเป็นบวก จากที่บริษัทฯได้มีการปรับราคาขายทูน่าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ TUF ได้มีการปรับโครงสร้างบริษัทย่อย ที่เป็นธุรกิจอาหารในอเมริกา(USPN) ส่งผลบริษัทฯมีขาดทุนลดลงและเริ่มคุ้มทุนหรือมีกำไรเล็ก ๆ แล้ว
ส่วน น.ส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานของ TUF ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีนี้ โดยกำไรจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2-3 แต่ราคาหุ้นในปัจจุบันได้ขึ้นมาเกินราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ 64 บาท/หุ้น
การฟื้นตัวของธุรกิจโดยหลักมาจากธุรกิจทูน่าที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และราคาวัสดุดิบลดลง ทำให้มาร์จินดีขึ้น และธุรกิจกุ้งก็ดีขึ้นแม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนมากนัก รวมถึงธุรกิจอาหารในอเมริกา(USPN)ก็ขาดทุนลดลง จึงส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/57 ไว้ที่ 1,214 ล้านบาท เติบโต 238% yoy และเติบโต 28% qoq
สำหรับทั้งปี 57 คาดว่า TUF จะมีกำไรสุทธิ 4,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 2,853 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากธุรกิจทูน่า และธุรกิจอาหารในอเมริกา USPN
ด้านบล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ฯ มองการฟื้นตัวของกำไร TUF ชัดเจน โดยแนวโน้มการฟื้นตัวจะแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 2-3 จากช่วงฤดูกาลของการส่งออก ในขณะที่ผลการดำเนินงานหลักดีขึ้นตามแผน TUF กำลังมองหาการเข้าซื้อกิจการอื่นเพื่อส่งเสริมการเติบโตนอกเหนือจากอัตราการเติบโตจากการขยายตัวของธุรกิจเดิมที่ EPS CAGR 18% ในปี 57-59
คาดว่า TUF รายงานการเติบโตของกำไร Q2/57 ที่ 19% q-q และ 215% y-y ผลักดันโดยการฟื้นตัวของอัตรากำไร โดยเฉพาะในธุรกิจกุ้งซื้อได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วใน Q2/56 สำหรับการเติบโต y-y โดยคาดอัตรากำไรของธุรกิจกุ้งฟื้นตัวจากอัตราการผลิตและราคาขายที่สูงขึ้น สำหรับการเติบโต q-q คาดปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของอุปทานกุ้งใน 2Q ในขณะที่มีการหยุดพักการผลิตสำหรับโรงงานกุ้ง TUF เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อย้ายสายการผลิตไปยังบริษัทย่อยใน Q1/57
ในส่วนของทูน่า คาดอัตรากำไร OEM ฟื้นตัวต่อเนื่อง y-y มองว่าการดำเนินงานของธุรกิจหลัก TUF กลับมาตามแผน และบริษัทอยู่ระหว่างการหากิจการเข้าซื้อเพื่อส่งเสริมการเติบโตนอกเหนือจากอัตราการเติบโตจากการขยายตัวของธุรกิจเดิม และเพื่อให้ถึงเป้ารายได้รวม 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 58
ผู้บริหารคาดว่าธุรกิจหลักของ บริษัทจะฟื้นตัวดีใน 57 ปลาทูน่าซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดที่ 47% ของยอดขายปี 56 ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะ OEM ที่ได้แรงหนุนจากราคาขายที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบสำหรับปลาทูน่าเพิ่มขึ้นจากโดยเฉลี่ย 1,125 เหรียญสหรัฐ/ตัน ใน Q1/57 เป็น 1,473 เหรียญสหรัฐ/ตัน ใน 2Q14 โดยเราคาดว่าการผลิต OEM ของ TUF ซึ่งอยู่บน cst-plus basis จะได้รับประโยชน์จากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าแบรนด์ที่วางตามชั้นจะยังดีใน 57 เนื่องจากยังมีสินค้าคงคลังที่มีต้นทุนต่ำจากไตรมาสที่ผ่านมา