สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB236A(รุ่นอายุ 2.9 ปี, 4.9 ปี และ 8.9 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,757 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ บมจ. ธนาคารกรุงไทย(KTB223A)มูลค่า 1,034.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)(SCB222A)มูลค่า 203.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน)(WHA195A)มูลค่า 161.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,399.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 59.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,722 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,277 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,667 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.1% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.03%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 3-10 ปี ประมาณ 1-3 bps. ล่าสุดผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ Fed มีมติปรับลดขนาด QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงมาอยู่ที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน และส่งสัญญาณว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อไป ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ GDP ไตรมาส 2/57 ขยายตัว 4.0% ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้ มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 8,667 ล้านบาท