ส่วนปี 58 คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1,725 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ในระดับ 2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทกังวลปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อ ประกอบกับ บริษัทได้เลื่อนเปิดตัว 2 โครงการใหม่ รวมมูลค่าโครงการราว 1.3 พันล้านบาทไปเป็นปี 58 จากแผนเดิมที่จะเปิดขายปลายปีนี้ ขณะที่แผนร่วมทุนในโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ที่ จ.ขอนแก่นภายคาดว่าได้ข้อสรุปในปีนี้ มูลค่าโครงการราว 350 ล้านบาท
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุทธยา กรรมการผู้จัดการ SAMCO คาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะสูงกว่าปี 56 ที่มี 109 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 10% แม้ไตรมาส 1/57 จะอยู่ที่ 4% กว่า เพราะยอดขายน้อย แต่ครึ่งปีหลังเมื่อยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนยังคงที่
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับลดเป้าในปี 57 รายได้ลงเหลือ 1,120 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนประมาณ 6% จากเดิมตั้งเป้าว่าจะอยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า จากสถานการณ์การเมืองทำให้ลูกค้าขาดความมั่นใจ โดยไตรมาส 2/57 รายได้ต่ำกว่าไตรมาส 1/57 ที่มีอยู่ 186 ล้านบาท เนื่องจากเดือนเมษายนมีวันหยุดเยอะ และบริษัทฯขายบ้านในเขตปริมณฑล และกทม. เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มาเจอเรื่องเคอร์ฟิวด้วย
อย่างไรก็ดี คาดว่าไตรมาส 3-4/57 ยอดขายจะกลับมาตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้นหลังนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ออกมาชัดเจนอย่างที่ประกาศไว้ ทั้งการฟื้นการลงทุนภาครัฐฯ เช่น ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นอย่างรถไฟรางคู่ และรถไฟสายต่างๆ ในปริมณฑลที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในประเทศ
นายกิตติพล กล่าวว่า ในปี 58 บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 1,725 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่มองไว้ 2,000 ล้านบาท แม้ Sentiment ในประเทศจะดีขึ้น แต่หนี้สินภาคครัวที่สูงขึ้นยังฉุดกำลังซื้อ ซึ่งจะเป็นผลให้แบงก์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ประกอบกับ โครงการที่บริษัทมีแผนจะเปิดตัวในปลายปีนี้ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,300 ล้านบาท ต้องเลื่อนไปเป็นปีหน้า เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่ชัยพฤกษ์ แจ้งวัฒนะ 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวที่ท่าอิฐ มูลค่า 200-300 ล้านบาท
ขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog)ประมาณ 550 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 300-400 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 150 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนที่จะโอนในปีนี้ คือบ้านเดี่ยว 150 ล้านบาท แต่คอนโดฯไปโอนในปี 58
ในปีนี้บริษัทใช้งบซื้อที่ดินไปแล้ว 300 ล้านบาท ซึ่งตามปกติบริษัทใช้งบซื้อที่ดินประมาณปีละ 250-300 ล้านบาท ส่วนการลงทุนในโครงการคอมมูนิตี้ มอลล์ บริษัทคาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อสรุปอีก 1 แห่งที่ จ.ขอนแก่น เพื่อพัฒนาทำเป็นศูนย์บริการนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยคาดว่าจะเซ็นสัญญาภายในปีนี้ อย่างเร็วคือภายในไตรมาส 3/57 มูลค่าลงทุน 350 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการในขอนแก่น 1 ราย คือ พิมานกรุ๊ป ถือหุ้นฝ่ายละ 50%
ปัจจุบัน บริษัทยังมีอีก 8 โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปได้อีก 3-4 ปีข้างหน้า ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาอยู่รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรับรู้รายได้ในปี 58 ประมาณ 400-500 ล้านบาท และที่เหลือเป็นรับรู้ในปี 59 ซึ่งจะทำให้รายได้ปีหน้าแบ่งเป็นแนวราบ 1,100 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 500 ล้านบาท และอื่น ๆ อีก 125 ล้านบาท จากปี 57 ที่รายได้หลักของบริษัทมาจากส่วนของบ้านและที่ดิน