สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตราสารหนี้ไทย( 1 ส.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 88,412 ล้านบาทโดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 64,423 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 72.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,167 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 16.0% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,334 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 4.8 ปี, 2.8 ปี และ 0.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,558 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้อินโดรามา เวนเจอร์ส(IVL16OB) มูลค่า 208.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด(มหาชน)(MBK207A) มูลค่า 207.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)(BCP194B)มูลค่า 162.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 577.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 14,986 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,693 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -252 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.12% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 3-10 ปี ประมาณ 1-2 bps.ในทิศทางเดียวกับ US Treasury ซึ่งล่าสุดดัชนีค่าจ้างแรงงานของสหรัฐฯ (Employment Cost lndex) ที่ประกาศออกมา ปรับตัวสูงขึ้นกว่าประมาณการณ์ ส่งผลให้ตลาดกังวลว่า Fed อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดไว้ ประกอบกับยังคงมีความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตกและรัสเซีย รวมถึงการที่ S&P's ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอาร์เจนตินาลงสู่ "Selective Default" ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงลบ สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้ มียอดขายสุทธิ(NET SELL) เท่ากับ 252 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 9,832 ล้านบาท จาก 774, 309 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน เป็น 784,141 ล้านบาท (เฉพาะในเดือนกรกฏาคม มี Fund Flow ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้รวมทั้งสิ้น 65,582 ล้านบาท)