ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมเปิดสาขาที่อินเดียเป็นสาขาที่ 2 ในต่างประเทศภายในไตรมาส 3/2557 นี้ โดยการขยายไปยังต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงและกระจายฐานรายได้ ซึ่งแผนการลงทุนในต่างประเทศนั้นปีแรกจะเน้นงานขายและการบริการ ปีที่ 2 จะเป็นการประกอบเครื่องจักร และปีที่ 3จะเป็นการผลิตเครื่องจักร
นายนรากร กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 403 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์เพิ่งเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งหากระยะเวลาผ่านไปและสถานการณ์มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน บริษัทอาจจะมีการทบทวนเพิ่มเป้าหมายประมาณการใหม่อีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย ทำให้การลงทุนของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาปกติ ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังน่าจะฟื้นตัวขึ้นตามอุตสาหกรรมยานยนต์
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อีก มูลค่ารวมทั้งหมดประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังว่าบริษัทน่าจะได้รับงานประมาณ 50% ของมูลค่างานทั้งหมด
"ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยในครึ่งปีหลังน่าจะเริ่มดีขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) และสนับสนุนธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมผลิตและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ พร้อมสนับสนุนการใช้จ่ายและการบริโภคภาคครัวเรือน ทำให้ความเชื่อมั่นเริ่มฟื้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมต่างๆชะลอตัวลง"นายนรากร กล่าว