ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะสั่งต่อเรือใหม่อีก 2 ลำ ซึ่งจะกำหนดรับมอบภายในปีนี้
นายคาลิต มอยนูดดิน อาชิม กรรมการผู้จัดการ PSL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ค่าระวางเรือในปีนี้จะทำให้มากกว่าอุตสาหกรรมเดินเรือโดยรวม 10% โดยในช่วงไตรมาส 2/57 บริษัทมีรายได้จากค่าระวางเรือเทกองขนาดกลาง (Handysize) อยู่ที่ 8,054 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน สูงกว่า 8.18% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับ 7,445 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน ขณะที่ค่าระวางเรือเทกองขนาดใหญ่ (Supramax) อยู่ที่ 10,882 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน สูงกว่า 21.15% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ 8,982 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน
แนวโน้มอุตสาหกรรมเดินเรือในครึ่งปีหลังนี้จะปรับตัวดีกว่าครึ่งปีแรก โดยจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 เป็นต้นไป จากความต้องการนำเข้าแร่เหล็กและถ่านหินของจีนมีเพิ่มมากขึ้น หลังมีนโยบายลดกำลังการผลิตเหล็กและถ่านหินลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหลังจากจีนได้สั่งให้ธนาคารในประเทศไม่ต้องดำเนินการลดสินเชื่อ จึงมองว่ากำลังซื้อจะกลับมาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อีกทั้งคาดว่าการส่งออกธัญพืชของทวีปอเมริกาใต้จะฟื้นตัวดีขึ้น
"เรามองว่าครึ่งปีหลัง BDI จะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องด้วยความต้องการจากแร่เหล็ก ถ่านหิน และสินค้าทางการเกษตร เริ่มมีความต้องการขนส่งมากขึ้น จากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเราก็ทำรายได้สูงกว่าเป้าหมายอยู่แล้ว ขณะที่ช่วงไตรมาส 3/57 ถือว่าเป็นช่วงที่ต่ำที่สุดของปี แต่ก็เชื่อว่าไตรมาส 4 นี้จะเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามวัฎจักรที่กลับมา ซึ่งมองว่าทั้งปีรายได้จะสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม 10% ได้"นายคาลิต กล่าว
ส่วนแผนการซื้อเรือนั้น นายคาลิต กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีเรืออยู่จำนวน 43 ลำ โดยสั่งต่อเรือไหม่อีกจำนวน 2 ลำ และมีกำหนดรับมอบในปีนี้ ซึ่งเป็นเรือขนส่งซิเมนซ์ขนาดลำละ 21,000 เดทเวทตัน ทำให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีเรือเทกองทั้งสิ้น 45 ลำ ขณะที่ปี 58 มีกำหนดรับมอบเรือสั่งต่อใหม่อีก 17 ลำ เป็นเรือขนาด 38,000 เดทเวทตัน จำนวน 4 ลำ และเรือขนาด 64,000 เดทเวทตัน จำนวน 13 ลำ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขายเรือเก่าเมื่อราคาเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าพอใจ รวมถึงจะไม่มีการทำสัญญาระยะยาวถ้าค่าระวางเรือไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 15,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน อีกด้วย