กองทุน K-MONEY เหมาะสำหรับเป็นก้าวแรกสู่การลงทุนสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเห็นความสำคัญของการบริหารเงินออมและเงินลงทุนส่วนตัว เมื่อมีประสบการณ์แล้วก็จะเห็นว่าการลงทุนเป็นเรื่องง่าย จึงมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นในอนาคตก็จะสามารถต่อยอดไปลงทุนในกองทุนอื่น ๆ ที่มีความซับซ้อนเพื่อให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นอีก นอกจากนี้ธนาคารกสิกรไทยยังมีบริการ K-Expert ที่พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนแบบมืออาชีพ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือที่จะเสริมสร้างความรู้เรื่องการเงินและการลงทุนให้กับผู้ลงทุนแบบครบวงจร
ด้านนายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า กองทุน K-MONEY เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการพักเงิน หรือลงทุนในระยะสั้น และคาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน โดยไม่ต้องเสียภาษี โดยกองทุน K-MONEY มีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาดีอย่างสม่ำเสมอและสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 2.08% ต่อปีและมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 2.50% ต่อปี(ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 57)
นอกจากนี้ กองทุน K-MONEY ยังจัดเป็นกองทุนในกลุ่มกองทุนตลาดเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ ณ วันที่ 29 ก.ค.57 อยู่ที่ 101,545.32 ล้านบาท
ด้านมุมมองการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศจะมีความชัดเจนเรื่องการฟื้นตัวมากขึ้น หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองได้คลี่คลายลง และการที่มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติเข้ามาบริหาร ซึ่งจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปได้มากขึ้น รวมถึงผลักดันโครงการลงทุนต่าง ๆ ให้ดำเนินหน้าต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจะยังไม่เร่งตัวสูงมากนัก ขณะที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของไทยเองยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ผนวกกับการที่ธนาคารกลางในภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้ทรงตัวต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการเลือกลงทุนกับกองทุน K-MONEY จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่กำลังรอจังหวะลงทุนในตราสารอื่นๆ ต่อไป