ทั้งนี้ เอไอเอสยังคงกลยุทธ์การตลาดในการชักชวนลูกค้าให้มาใช้บริการ 3G-2.1GHz มากขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อต้นทุนค่าธรรมเนียม (ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 2.1GHz คิดที่ 5.25% ของรายได้ ส่วนค่าส่วนแบ่งรายได้ระบบสัมปทานคิดที่ 20-30% ของรายได้) ด้วยกลยุทธ์นี้จะส่งผลให้ EBITDA margin ปรับเพิ่มขึ้น
ในปีนี้คาดว่าในปีนี้ Service EBITDA margin (จากการให้บริการ) เพิ่มขึ้น 300bps จากปีก่อน จากต้นทุนค่าธรรมเนียม 2.1GHz ที่ลดลงเมื่อลูกค้ามาใช้บริการ 3G และชดเชยกับต้นทุนโครงข่ายและการตลาดที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการจะให้ลูกค้าหันมาใช้ 3G นั้นต้องมีการกระตุ้นการขายเครื่อง 3G ซึ่งมีกาไรน้อยกว่าธุรกิจการบริการ ส่งผลให้อัตรา EBITDA margin โดยรวมดูน้อยกว่า ด้วยเหตุที่ยอดขายเครื่องในครึ่งปีแรกไม่สูงเท่าที่คาดการณ์จึงส่งผลบวกต่ออัตรา EBITDA margin โดยปรับคาดการณ์จากเดิมที่คาดว่าจะทรงตัว เป็นเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 100bps มาที่ 44%
เอไอเอส ยังคงเงินลงทุนโครงข่ายที่ 40,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยวางโครงข่าย 3G อย่างต่อเนื่องรวมทั้งสิ้น 19,300 สถานีฐาน ซึ่งครอบคลุมกว่า 97% ของจำนวนประชากรในครึ่งแรกของปี 57 ทั้งนี้ การที่กสทช. ได้ประกาศเลื่อนกำหนดการประมูลคลื่น 4G ออกไปเป็นปี 58 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้
สำหรับช่วงครึ่งหลังของปียังต่อยอดการลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีแก่ลูกค้า การเร่งสร้างโครงข่ายคุณภาพจะช่วยให้เราส่งมอบบริการที่เหนือกว่าในราคาที่แข่งขันได้ นอกจากนี้ ยังขยายโครงข่ายในพื้นที่ที่มีการใช้งานที่หนาแน่นด้วยการติดตั้งสถานีฐานย่อย รวมถึงขยายโครงข่ายใยแก้วนาแสงซึ่งนอกจากจะรองรับการขยายตัวของการใช้งานอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่แล้ว ยังสามารถรองรับโอกาสในธุรกิจบรอดแบรนด์อีกด้วย
ทั้งนี้ เอไอเอสคาดว่าค่าตัดจำหน่ายรวมจะเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 18%
ส่วนการโอนย้ายลูกค้าไปยังระบบ 3G-2.1GHz ได้เร็วขึ้น และคาดว่าโทรศัพท์ที่รองรับ 3G ในระบบเพิ่มขึ้นเป็น 45% ณ สิ้นปีในครึ่งแรกของปี 57 เอไอเอสมีผู้ใช้บริการ 3G-2.1GHz ถึง 80% ของฐานลูกค้าทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 75% เราจึงปรับประมาณการสัดส่วนลูกค้าบนระบบ 3G ขึ้นเป็น 85% ของฐานลูกค้าทั้งหมดในสิ้นปี โดยในช่วงครึ่งปีหลังการโอนย้ายลูกค้าจะทาได้ยากขึ้นเนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัดที่เข้าถึงค่อนข้างยาก
อย่างไรก็ตาม เอไอเอสปรับคาดการณ์สัดส่วนผู้ใช้งานโทรศัพท์ที่รองรับ 3G บนระบบ 3G-2.1GHz เป็น 45% จากเดิม 50% เป็นผลจากยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงครึ่งปีแรกซบเซากว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้บริษัทดำเนินกลยุทธ์การขายเครื่องในราคาทุนเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าหันมาใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ซึ่งเอไอเอสยังคงงบการตลาดทั้งปีที่ 4.5% ของรายได้รวม
บริษัทยังมีเป้าหมายในการคงนโยบายการจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินรวม โดยไม่เกินกำไรสะสมในงบการเงินเฉพาะบริษัท และมีเป้าหมายที่จะจ่ายเงินปันผลปีละสองครั้ง เนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินที่แข็งแกร่งและระดับหนี้ที่ต่ำ บริษัทมีแนวทางนำเงินสดจากการดำเนินงานมาลงทุนในโครงข่ายรวมถึงค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ร่วมกับเงินกู้ยืมจากภายนอก บริษัทจึงมีความคล่องตัวพร้อมสำหรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ หรือมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานรวมทั้งฐานะทางการเงินของบริษัท