(เพิ่มเติม) BGH คาดขายหุ้นกู้แปลงสภาพ 1 หมื่นลบ.ปีนี้ มั่นใจเพียงพอขยาย รพ.ตามแผน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 5, 2014 17:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH) คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทให้แก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศทั้งจำนวนได้ภายในปีนี้ หลังจากวันนี้ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว โดยคาดว่าเงินทุนดังกล่าวจะเพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจที่ได้ตั้งเป้าหมายจะมีโรงพยาบาลเพิ่มเป็น 50 แห่งภายในปี 58 ซึ่งภายในปีนี้จะสรุปการเจรจาซื้อกิจการโรงพยาบาลเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มจำนวนให้เป็น 43 แห่ง ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเปิดโรงพยาบาลในลาวและพม่า หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดโรงพยาบาลที่กัมพูชาแล้ว

น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BGH กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้บริษัทออกหุ้นแปลงสภาพ วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท หรือเทียบเท่าในเงินสกุลอื่น อายุหุ้นกู้ 5 ปี คาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการ(ไฟลิ่ง)ให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)พิจารณาได้หลังการประกาศงบการเงินไตรมาส 2/57 และน่าจะเสนอขายได้ภายในปีนี้

ทั้งนี้ BGH จะเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้กับนักลงทุนต่างประเทศทั้งจำนวน และเหตุผลที่เลือกออกหุ้นกู้แปลงสภาพ เพราะมีต้นทุนการเงินต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับการระดมทุนด้วยวิธีอื่น แต่จะเสนอขายเมื่อใดขึ้นกับจังหวะของตลาดที่จะทำให้บริษัทจะได้รับประโยชน์สูงสุด ส่วนการเลือกขายให้นักลงทุนต่างประเทศเพราะเป็นวงเงินสูง และหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นที่นิยมของนักลงทุนต่างประเทศอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าจะได้รับความสนใจ

นอกจากนี้ บริษัทก็จะขยายเพดานการถือหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นไม่เกิน 30% จากปัจจุบันกำหนดไม่เกิน 20% จากปัจจุบันมีสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ 18% แล้ว การออกหุ้นกู้แปลงสภาพให้นักลงทุนต่างประเทศทั้งจำนวน เมื่อถึงเวลาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญจะทำให้สัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นเกินเพดาน

น.พ.ปราเสริฐ คาดว่า วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทจะเพียงพอต่อการขยายธุรกิจโรงพยาบาลของเครือ BGH ในช่วง 1-2 ปีนี้ เพื่อขยายสาขาโรงพยาบาลให้ได้ครบ 50 แห่งภายในปี 58 จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสาขาโรงพยาบาล 43 แห่ง โดยอีก 7 แห่งจะมีทั้งการเข้าซื้อกิจการ และการสร้างโรงพยาบาลใหม่เอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นขยายไปตามต่างจ้งหวัด

สำหรับผลประกอบการในปี 57 คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตได้ตามแผน แต่อัตรากำไรสุทธิน่าจะดีกว่าปีก่อน เนื่องจากปกติอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 11-12% แต่ปีนี้และปีหน้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่มาจากธุรกิจโรงพยาบาล(Non Core)มาที่ 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 16% เช่น การจำหน่ายยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ เนื่องจากให้อัตรากำไรสุทธิสูงถึง 18% เมื่อนำมาถัวเฉลี่ยกับธุรกิจหลักจะทำให้อัตราส่วนกำไรสุทธิสูงขึ้น ซึ่งการขายเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์จะขายให้กับโรงพยายบาลในเครือและโรงพยาบาลพันธมิตร รวมทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล

"การทำธุรกิจโรงพยาบาลจะมุ่งกำไรอย่างเดียวไม่ได้ ตอนนี้ไม่อยากเพิ่มค่ารักษาพยาบาลกับคนในประเทศ เลยหันไปขยายกิจการ Non Core เข้ามาเฉลี่ยให้อัตรากำไรสุทธิสูงขึ้น ผู้ถือหุ้นก็จะได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น อย่างในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ธุรกิจ Non Core ให้อัตรากำไรสุทธิที่ 18% เราก็จะตั้ง Target ที่ 18% เหมือนก้น"กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BGH กล่าว

ส่วนการขยายโรงพยาบาลในต่างประเทศ ขณะนี้ศึกษาขยายการลงทุนที่ลาวและพม่า จากปัจจุบันที่มีการลงทุนในกัมพูชาแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่ใหม่ โดย BGH มองว่ามีคนไข้จากทั้งสองประเทศเข้ามารักษาในโรงพบาบาลในเครืออยู่แล้ว แต่คงไม่ขยายการลงทุนในประเทศแถบตะวันออกกลาง เพราะบุคคลกรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ และไกลจากไทย

นายปราเสริฐ กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าจะได้เห็นสรุปดีลซื้อกิจการ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา ทั้งนี้การขยายโรงพยาบาลใหม่ที่สร้างเอง บริษัทได้กำหนดนโยบายไว้ว่า ขาดทุนไม่เกิน 2 ปี ขณะที่การเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลจะช่วยให้มีผลกำไรได้ทันที นอกจากนี้ BGH มีแผนทยอยเปิดคลีนิค เพื่อขยายลูกค้าในระดับล่าง ซึ่งค่ารักษาพยาบาลต่ำกว่า 1,000 บาท/ราย

ปัจจุบัน มีสัดส่วนผู้ใช้บริการต่างประเทศอยู่ที่ 30% ขณะที่ผู้ใช้บริการคนไทย 70% แต่คาดหวังเพิ่มสัดส่วนคนใช้บริการในต่างประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 40%ภายในปี 58 ที่ขยายสาขาโรงพยาบาลได้ครบ 50 แห่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ