สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 74,566 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 62,824 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 84.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 7,273 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.8% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,982 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB155A และ LB236A(รุ่นอายุ 4.8 ปี, 0.8 ปี และ 8.8 ปี ตามลำดับ)โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 3,652 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน)(SPALI172A) มูลค่า 206.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)(TOP243A) มูลค่า 205.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด(TLT155A) มูลค่า 200.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 612.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,994 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,015 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -4,890 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.09% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 5-30 ปี ประมาณ 1-2 bps. โดย Volume ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพันธบัตรระยะสั้นของ ธปท.ที่มีการประมูลวันนี้ ด้านนักลงทุนรอติดตามผลการประชุม กนง. วันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายในพันธบัตรระยะสั้น ยอดขายสุทธิ(NET SELL) เท่ากับ 4,890 ล้านบาท