ขณะเดียวกัน ในช่วงปลายไตรมาส 4 ของทุกปีเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่วงอากาศหนาวส่งผลให้ความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มสูงขึ้น และยอดคำสั่งซื้อในต่างประเทศจากการสต็อกสินค้าเก็บเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า ปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทตั้งเป้ายอดขายถ่านหินในปีนี้ 4 ล้านตัน ขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 7 พันล้านบาท
"แนวโน้มตลาดถ่านหินในช่วงครึ่งปีหลัง มีการแข่งขันที่สูงของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้น สิ่งที่บริษัทฯมุ่งเน้นคือการ ลดต้นทุน รวมถึงหาโอกาสในธุรกิจที่จะช่วยเสริมสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้น เพื่อเป็นการช่วยลดความผันผวนจากราคาสินค้า commodity"นายพนม กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ที่ 3,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,716 ล้านบาท มาจากการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณการทั้งขายในประเทศและต่างประเทศที่ประมาณ 2 ล้านตันเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 49%
สาเหตุที่บริษัทมียอดจำหน่ายถ่านหินเพิ่มขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะซบเซาก็ตาม แต่แนวโน้มความต้องการใช้ถ่านหินทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ บริษัทมีการปรับแผนการตลาดแบบเชิงรุก โดยการเจาะตลาดในจีน ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าทั้งรายเดิมและรายใหม่ได้มากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทฯมียอดขายในครึ่งปีแรกเป็นไปตามแผนที่วางไว้