RICHY ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 4.54 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 37.58%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 7, 2014 12:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น RICHY ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 4.54 บาท เพิ่มขึ้น 1.24 บาท(+37.58%)จากราคาขาย IPO ที่ 3.30 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,962.91 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 5.40 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 5.65 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.54 บาท

น.ส.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ริชี่เพลซ 202 (RICHY) กล่าวว่า ราคาหุ้น RICHY เข้าซื้อขายวันแรกช่วงเปิดตลาดสูงกว่าราคา IPO ที่ 3.30 บาท เนื่องจากนักลงทุนเล็งเห็นถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ซึ่งมีผลประกอบที่ดีอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10 ปี ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง ประกอบกับ หุ้นเข้าซื้อขายในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่ดีเอื้อต่อการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในวันนี้

"ราคาหุ้น RICHY วันนี้ก็ขึ้นมาเกินความคาดหมายที่เราประเมินไว้ ซึ่งมาจาก 2 ปัจจัยที่เราประเมินไว้ 1.พื้นฐานของหุ้นเราที่ดี ซึ่งนัลงทุนได้เล็งเห็นถึงผลการดำเนินงานของเราที่ดีต่อเนื่อง 10 ปีที่ดำเนินการมา ทำให้บริษัทแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นหุ้นเรา และ2.ภาวะตลาดในขณะนี้มีแนวโน้มที่ดีเอื้อต่อหุ้นของเราเพิ่มขึ้นในวันนี้ สำหรับเงินที่ได้จากการจำหน่าย IPO จำนวน 706 ล้านบาทนั้น บริษัทได้นำไปใช้ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการแล้วเมื่อวันที่ 5 ส.ค.57 ที่ผ่านมา เพราะเราได้รับเงินวันที่ 4 ส.ค.57"น.ส.อาภา กล่าว

ประธานกรรมการบริหาร RICHY กล่าวว่า บริษัทประเมินรายได้และกำไรสุทธิในครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงปลายไตสมาส 3/57 จะมีการรับรู้รายได้จากการทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียมริชพาร์ค เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ มูลค่า 1.7 พันล้านบาท ซึ่งในช่วงตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/57 ถึงสิ้นปี 57 จะรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าว 60-70% ของมูลค่าโครงการ

ประกอบกับ สถานการณ์การเมืองเริ่มดีขึ้น ส่งผลต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้การโอนโครงการที่แล้วเสร็จบางโครงการเป็นไปตามแผน หลังจากที่ช่วงครึ่งปีแรกลูกค้าบางรายชะลอการโอน

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.205 พันล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ และอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 36% แม้ว่าไตรมาส 1/57 อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงมาที่ 29-30% เนื่องจากการโอนโครงการในไตรมาส 1/57 น้อยมาก และค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/57 ลดลง

"ครึ่งปีหลังในแง่ของรายได้และกำไรจะดีกว่าขึ้นปีแรกอย่างแน่นอน ครึ่งปีแรกเราเจอปัญหาทางการเมืองส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดลง ลูกค้าบางรายก็ชะลอการโอน ยอดจองก็ลดลง แต่ครึ่งปีหลังดีขึ้นกว่ามากแน่นอน โดยเฉพาะในไตรมาส 3/57 และไตรมาส 4/57 ที่จะมีการโอนคอนโดที่เตาปูน 60-70% ของมูลค่าโครงการ ทำให้รายได้เราจะเข้ามามากและกำไรก็ดีขึ้น ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงในไตรมาส 1/57 เป็นเพราะเรามียอดโอนต่ำมาก ทำให้รายได้ไม่เยอะ และเรามีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายก็เลยมากขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของเราลดลง"นางสาวอาภา กล่าว

สำหรับยอดขายรอรับรู้รายได้(Backlog) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 2 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 50% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 58 นอกจากนี้บริษัทมีแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.65 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการหมู่บ้านจัดวรร ห่างจากถนนราชพฤกษ์ 150 เมตร และใกล้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วงสถานีบางรักใหญ่ มูลค่าโครงการราว 650 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวไปแล้วในเดือนพฤษภาคมปีนี้ และโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหญ่ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท โดยจะมีการเปิดตัวก่อนสิ้นปี 57 สำหรับการปรับราคาขายโครงการเพิ่มขึ้นบริษัทประเมินว่าอาจจะมีการปรับเพิ่ม 5-10% ทุกปี ขึ้นอยู่กับทำเลในแต่ละโครงการ


แท็ก RICHY  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ