กองทุนดังกล่าวจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC (Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง(BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), บจ.บีเอสแอล ลีสซิ่ง(BBB) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB ขึ้นไป, ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
แม้ บลจ.ฟินันซ่าจะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ด้วยตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 เติบโตสูงถึงร้อยละ 4 แต่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก และปัญหารัฐบาลอาร์เจนตินาและธนาคารโปรตุเกสผิดนัดชำระหนี้ ยังคงสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศไทยในเดือนมิถุนายนยังคงอ่อนแอทั้งการบริโภค การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกจากผลกระทบทางการเมืองในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม คสช.เริ่มดำเนินตามโรดแมพที่ได้ประกาศไว้ และผลักดันโครงการ 2.4 ล้านล้านบาทให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น การกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงโดยแบ่งเงินลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ประเภทครบกำหนดอายุโครงการประมาณ 3 เดือนจึงเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงต่ำ