SAMART เผยอยู่ระหว่างศึกษาขยายลงทุนธุรกิจใหม่คาด M&A ชัดเจนสิ้นปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 8, 2014 13:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ โดยการควบรวมกิจการ (Merger & Acquisition) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้

Wเราเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ จะเห็นว่าเรามีการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยง และยังมุ่งเน้นในธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ เพื่อสร้างฐานการเงินที่มั่นคง เช่น ธุรกิจศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ (CATS) ธุรกิจด้านระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเทด้า นอกจากนี้ เรายังไม่หยุดที่จะมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจพลังงาน เพื่อปูทางสู่อนาคต รองรับวิสัยทัศน์ของกลุ่มสามารถ ในการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ครอบคลุมและได้มาตรฐานของไทย"นายวัฒน์ชัย กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 57 ภาวะตลาดจะกลับมาคึกคักมากขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการขับเคลื่อนของการลงทุนภาคเอกชน จึงมั่นใจว่าผลประกอบการของทุกธุรกิจในกลุ่ม SAMART จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะไอ-โมบาย ซึ่งเมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับกระแสความต้องการ Smart phone ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเพิ่มเป้าหมายการขายจากเดิม 4 ล้านเครื่อง เป็น 4.5 ล้านเครื่องในสิ้นปี 2557

ส่วนสายธุรกิจ ICT ก็เริ่มมีการทยอยเซ็นสัญญาโครงการที่ค้างอยู่ และมีโครงการที่จะเข้าร่วมประมูลในสิ้นปีนี้ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ประกอบด้วยทั้งโครงการที่เป็นส่วนขยายและโครงการใหม่กับองค์กรต่างๆ เช่น การท่าอากาศยานไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย และกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นต้น

ด้านธุรกิจอื่นๆ เช่น สามารถวิศวกรรม ก็มีโอกาสสร้างรายได้จากการจำหน่ายกล่องและเสารับสัญญานดิจิตอลทีวี ซึ่งคาดว่าปริมาณความต้องการจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่มีการแจกคูปองเพื่อใช้แลกเป็นส่วนลดแก่ประชาชน บริษัทตั้งเป้าจำหน่ายไว้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชุดในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านชุดในปีต่อไป ในส่วนของธุรกิจคอลล์เซนต์เตอร์ ซึ่งดำเนินงานโดย บมจ.วันทูวันคอนแทคส์(OTO) ก็มีการขยายงานอย่างรวดเร็ว ล่าสุดได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วที่ประเทศพม่า

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่ม SAMART ในไตรมาส 2/57 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,562 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซนต์ กำไรสุทธิ 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซนต์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบมจ.สามารถไอโมบาย (SIM) มีรายได้และกำไรโดดเด่นที่สุด คือ มีรายได้ 3,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 32 เปอร์เซนต์ และมีกำไรสุทธิ 290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซนต์ ด้วยยอดขายมือถือมากถึง 1.3 ล้านเครื่อง คิดเป็นสมาร์ทโฟน 8.6 แสนเครื่องหรือเท่ากับ 66 เปอร์เซนต์ของจำนวนเครื่องที่ขายได้ทั้งหมด

สายธุรกิจ ICT Solutions ซึ่งนำโดยกลุ่ม บมจ.สามารถเทลคอม(SAMTEL)ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บ้านเมือง ทำให้ต้องชลอการเซ็นสัญญาและการเข้าประมูลโครงการใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีแรกก็ยังสามารถเซ็นสัญญาโครงการใหม่ๆ ซึ่งมีมูลค่ารวมกันประมาณ 1,600 ล้านบาทได้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังมีงานในมือ มูลค่ารวมเกือบ 6,000 พันล้านบาท ที่ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้กลุ่ม SAMTEL ยังคงมีรายได้ที่สม่ำเสมอ โดยในไตรมาส 2 มีรายได้ทั้งสิ้น 1,629 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซนต์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ