กองทุนดังกล่าวจะลงทุนในหุ้นชั้นนำระดับโลกในตลาดหุ้นเยอรมัน (DAX) อาทิ บีเอ็มดับเบิลยู (BMW), เดมเลอร์ (Daimler), โฟล์คสวาเกน(Volkswagen), อลิอันซ์ (Allianz), ดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank), ไบเออร์ (Bayer), ซีเมนส์ (Siemens), อาดิดาส (Adidas) เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมัน ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป โดยจุดเด่นของกองทุนอยู่ที่สภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ
จากมุมมองของทิสโก้ที่เดินหน้าตอบโจทย์การลงทุน ด้วยการมองหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมัน ที่ยังคงความแข็งแกร่งที่สุดในยุโรป ประกอบกับตลาดหุ้นของเยอรมันมีความน่าสนใจ โดยก่อนหน้านี้ บลจ. ทิสโก้ ถือเป็นรายแรกของไทย ที่เสนอขายกองทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในหุ้นเยอรมัน และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนนั้น
"เรามั่นใจว่าตลาดหุ้นเยอรมันมีความแข็งแกร่งโดดเด่นและใหญ่ที่สุดในยุโรป และคาดว่าจะเป็นตลาดที่สร้างผลตอบแทนได้ดีแก่นักลงทุน แม้ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรปจะปรับฐานลงแรงจากความกังวลต่อประเด็นธนาคารกลางโปรตุเกสเข้าอุ้มธนาคาร BES ที่ขาดทุนอย่างหนัก และประเด็นสหภาพยุโรปคว่ำบาตรรัสเซีย ส่งผลให้ดัชนี STOXX600 ปรับฐานลงราว 5% และดัชนี DAX ของเยอรมันปรับฐานลงราว 8% จากจุดสูงสุดในช่วงต้นเดือน ก.ค. ซึ่งเรามองว่าเป็นการปรับฐานช่วงสั้นๆ เท่านั้น
เราจึงมองว่าควรโอกาสในช่วงปรับฐานนี้ ในการเข้าซื้อสะสมหุ้นเยอรมัน ที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในยุโรป อีกทั้งหุ้นยังมีราคาถูก โดยคาดการณ์ปี 2015 หุ้นเยอรมันจะซื้อขายที่ P/E ต่ำกว่า 11.5 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นยุโรปจะซื้อขายที่ P/E สูงกว่า13เท่า นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียนในเยอรมันยังมีความสามารถในการแข่งขันสูง ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจชั้นนำที่มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก จึงมองว่าตลาดหุ้นเยอรมันมีความน่าสนใจมาก และจากที่ บลจ. ทิสโก้เสนอขายกองทริกเกอร์หุ้นเยอรมันมาก่อนหน้านี้ถึง 2 กอง ล้วนได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า จึงมั่นใจว่า “กองทุนเปิด ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้" ซึ่งเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนต่างประเทศ และยังมีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้ทุกวันทำการ จะได้รับการตอบรับที่ดีมากเช่นกัน" นายสาห์รัช กล่าว