นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EFORL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรในปีนี้ที่ราว 300 ล้านบาท เป็นการเติบโตขึ้นตามรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นราว 1.5 พันล้านบาท แม้ว่าครึ่งปีแรกบริษัทจะมีรายได้เพียง 450 ล้านบาท แต่เชื่อว่าแนวโน้มยอดขายในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีดีลอยู่ในมือแล้วราว 300 ล้านบาทจากทั้งโรงบาลเอกชนและภาครัฐที่จะรับรู้เข้ามาเป็นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมด
"ในช่วงครึ่งปีหลังยอดขายโดยปกติจะมากกว่าครึ่งแรกอยู่แล้ว เพราะเป็นช่วงปิดงบปี และเปิดงบปีใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนของครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเราได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของการเมืองให้ยอดขายเข้ามาค่อนข้างน้อยแต่ก็ยังถือว่ามีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันเองสถานการณ์ทางการเมืองก็เข้าสู่ภาวะปกติแล้วหลังจากนี้ยอดขายก็คงจะเข้ามาได้มากขึ้น"นายธีรวุทธิ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการเจรจาซื้อหุ้น บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ยังเป็นไปตามขั้นตอนการทำ Due Diligence โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ส.ค.57 นี้ และในเดือน ก.ย.57 จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัทเพื่อพิจารณาผลดังกล่าว จากนั้นในเดือน ต.ค.จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเสนอขอมติเห็นชอบ คาดว่าการซื้อกิจการจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ต.ค.57 นี้
นายธีรวุทธิ์ กล่าวว่า เงินลงทุนในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ได้มีการพูดคุยกับสถาบันทางการเงินที่จะขอสินเชื่อไว้แล้ว รวมถึงการเจรจากับกองทุนเพื่อเสนอให้มีส่วนร่วมเข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด โดยทางบริษัทยืนยันจะเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ในขณะเดียวกันทางบริษัทจะไม่มีการเพิ่มทุนแน่นอน
"เราอยู่ระหว่างการทำ Due Diligence อยู่ ซึ่งงบลงทุนต่างๆเราจะได้ข้อสรุปเดือนนี้ และทุกอย่างคงจบภายในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งเราก็ได้มีการเตรียมหลายๆแนวทางไว้ในการที่จะหาแหล่งเงินทุนที่จะมาใช้ในครั้งนี้ แต่เรายืนยันว่าเราจะไม่มีการเพิ่มทุนอย่างแน่นอน ซึ่งแนวทางหนึ่งในนั้นคือการให้กองทุนมีส่วนร่วมในการถือหุ้น"วุฒิศักดิ์ฯ"ซึ่งเราจะเป็นผู้ถือหุ้นหลัก หรือถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50%"นายธีรวุทธิ์ กล่าว