(เพิ่มเติม) WHA คาดตั้งกอง REIT พ.ย.นี้ เร่งสรุปดีลใหญ่ยักษ์ปลาย Q3/57-Q4/57

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 13, 2014 11:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น(WHA) คาดว่าบริษัทจะสามารถจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์(REIT)ได้ภายในเดือน พ.ย.57 ขนาดสินทรัพย์ราว 4.7 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการทำดีลในประเทศที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งจะทำให้พลิกโฉม WHA ไปจากเดิม โดยคาดว่าจะสรุปได้ราวปลายไตรมาส 3/57 หรือต้นไตรมาส 4/57

ส่วนผลดำเนินงานในปีนี้เชื่อว่าจะสามารถรักษากำไรสุทธิไม่ให้ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไร 1.4 พันล้านบาท ส่วนรายได้คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ราว 5 พันล้านบาทWHA โชว์ผลงานไตรมาส 2 รายได้รวมแตะ 152 ล้านบาท

นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA กล่าวว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้จะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.46 พันล้านบาท แม้ว่าปีนี้บริษัทจะขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT เพียงครั้งเดียว ซึ่งน้อยกว่าปี 56 ที่ขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ถึง 2 ครั้ง ทำให้กำไรในปีที่แล้วเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการทยอยส่งมอบพื้นที่คลังสินค้าให้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก หลังจากที่ครึ่งปีแรกลูกค้าขอชะลอการส่งมอบพื้นที่ออกไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองไม่สงบ

“ในครึ่งปีหลังสถานการณ์การเมืองเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่มีความขัดแย้งทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าเราก็ตัดสินใจส่งมอบพื้นที่มากขึ้น ช่วยให้เรา Maintain กำไรที่ได้จากค่าเช่าและบริการได้ และผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังก็จะดีกว่าครึ่งปีแรก นอกจากนี้ยังมีกำไรพิเศษจากเงินปันผลของการบริหารกองทุน Property Fund ของเรา อีกทั้งในปีนี้ก็ยังจะมีกำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ซึ่งปีนี้เราขายครั้งเดียว ไม่เหมือนปีที่แล้ว ที่เราขายเข้า Property Fund 2 รอบ ซึ่งกอง REIT เราขายสินทรัพย์น้อยกว่า Property Fund และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เพราะว่ามีอัตราภาษีต่ำกว่า”นายแพทย์สมยศ

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ากอง REIT กองแรกของ WHA จะสามารถจัดตั้งได้ภายในช่วงเดือน พ.ย.57 โดยบริษัทยังคงเป้ารายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท และคงเป้าการส่งมอบพื้นที่เช่าให้กับลูกค้าในปีนี้ที่ 1.2 ล้านตารางเมตร

"หากแผนการดำเนินงานแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังมีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถระดมทุนจากกอง REIT ได้กว่า 4,700 ล้านบาทเพื่อมาซื้อทรัพย์สินจากบริษัทฯ โดยจากมูลค่าระดมทุนดังกล่าวจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ได้ประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินทรัพย์ไม่น้อยกว่า 30% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะทยอยรับรู้รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มเติมจากโครงการอาคารสำนักงาน SJ Infinite I ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป" นายแพทย์สมยศกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีดีลขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 3/57 ถึงไตรมาส 4/57 ซึ่งเป็นดีลที่จะผลิกโฉม WHA ไปอีกหน้าหนึ่ง

“ดีลนี้เป็นดีลในประเทศขนาดใหญ่มาก ถ้าพูดว่า 2 พันล้านบาทก็ยังคงน้อยไป แต่ไม่ขอรายให้รายละเอียดมากในตอนนี้ เพราะยังไม่แจ้งตลาด แต่เราคาดว่าจะมีข้อสรุปออกมาประมาณปลายไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ปีนี้แหละ ก็จะเป็นดีลที่พลิกโฉม WHA ไปอีกหน้าหนึ่งก็เป็นไปได้”นายแพทย์สมยศ กล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/57 บริษัทมีรายได้รวม 152 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาท หรอคิดเป็น 26% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของพื้นที่ให้เช่า และการปรับเพิ่มของค่าเช่าตามอายุสัญญาในบางโครงการ ประกอบกับการเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวของรายได้จากเงินปันผลและค่าบริหารจัดการสินทรัพย์ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของขนาดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ WHAPF ในช่วงปีที่ผ่านมา

"ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 นี้มีรายได้จากค่าเช่าและบริการเพิ่ม 14% ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จากบริษัทมีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มมากขึ้น เติมไตรมาส 2 ปีที่แล้วอยู่ที่ 2.7 แสนตารางเมตร แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.5 แสนตารางเมตร และคาดว่ายอดจองพื้นที่เช่าจะเพิ่มขึ้นทุกๆไตรมาส"นายแพทย์สมยศ กล่าว

บริษัทยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมียมเพิ่มอีก ซึ่งครึ่งปีแรกเซ็นสัญญากับลูกค้าไปแล้วเกือบ 100,000 ตารางเมตร คาดว่าครึ่งปีหลังจะปิดการขายกับลูกค้า Built-to-suit ขนาดใหญ่ได้อีกหลายราย จึงมั่นใจว่าภายในปีนี้การขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นจะเป็นไปตามเป้าหมาย 300,000 ตารางเมตร

ส่วนในด้านของทำเลนั้น บริษัทมีแผนที่จะขยายไปยังต่างประเทศ และพื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มเติม ซึ่งการขยายไปต่างจังหวัดนั้น จะเลือกโซนที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ตามหัวเมืองแต่ละภาค เช่น จังหวัดขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และลำพูน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ