ฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศหุ้นกู้ชุดใหม่ของ SCC ที่ระดับ ‘A(tha)’

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 13, 2014 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่ของบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) ครั้งที่ 2/2557 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2561 มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านบาท ที่ระดับ ‘A(tha)’

หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทฯ (ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘A(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1(tha)’) เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิของบริษัทฯ โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและใช้สำหรับการลงทุนในอนาคต

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต ธุรกิจหลักที่หลากหลาย – อันดับเครดิตสะท้อนถึงธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีการกระจายความเสี่ยงของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจากธุรกิจต่างๆ ประกอบด้วยธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจปูนซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจกระดาษ โดยการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมีและการดำเนินงานของธุรกิจในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น น่าจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2557

ผู้นำในธุรกิจ – สถานะความเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจหลักของบริษัทฯ ซึ่งได้แก่ ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจปูนซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจกระดาษ ในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมและเป็นที่รู้จักมายาวนาน รวมถึงเครื่องหมายการค้าที่แข็งแกร่ง เป็นปัจจัยหลักที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับบริษัทฯ ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯ น่าจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจหลักเหล่านี้ได้ในอีกห้าปีข้างหน้า

ผลประกอบการที่ดีขึ้น – ฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเพิ่มมากขึ้นในปี 2557 จากการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมี นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการในธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำนวน 4 บริษัท และในธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ จำนวน 3 บริษัทในปี 2556 จะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานให้กับบริษัทฯ อีกด้วย

แผนการลงทุนที่สูง – ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของ SCC จะยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2557-2558 เนื่องจากการขยายธุรกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) ของบริษัทฯ น่าจะอยู่ที่ระดับ 3 เท่าถึง 3.5 เท่าในปี 2557 (อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 3 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2557) และมีแนวโน้มที่จะลดลงต่ำกว่า 3 เท่าในปีต่อๆไป เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจรวมถึงการเติบโตของธุรกิจปัจจุบัน

ความผันผวนของธุรกิจ – อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการที่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความผันผวนของธุรกิจปิโตรเคมี และธุรกิจกระดาษ ความสามารถที่จำกัดในการกำหนดราคาในกลุ่มสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ รวมถึงการที่กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฯ อ่อนไหวต่อราคาพลังงานที่อาจสูงขึ้น

ส่วนปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต ปัจจัยบวก: -การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของสัดส่วนของกระแสเงินสดที่มาจากธุรกิจในต่างประเทศ -อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ (EBITDA margin) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากและต่อเนื่อง (อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 12.5 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557) -อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) ที่ต่ำกว่า 2.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยลบ: -อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ รวมถึงกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ที่ลดลงอย่างมากและต่อเนื่อง -สถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่อ่อนแอลงจากวัฏจักรขาลงของธุรกิจปิโตรเคมี หรือจากการเข้าซื้อกิจการด้วยเงินลงทุนที่สูง ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) (Net adjusted debt to EBITDA) สูงกว่า 3.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ