อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่ากำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 70 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิราว 33 ล้านบาท ลดลงราว 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเม็ดพลาสติก BU1 ซึ่งมีการเติบโตถึง 30%
"ในครึ่งปีแรกรายได้ของเรามีการเติบโตได้ค่อนข้างดี เพราะเรามีการกระจายกลุ่มลูกค้าไปหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนลูกค้าที่อุตสาหกรรมชะลอตัวไปยังอุตสาหกรรมที่ยังดีอยู่ได้ ทำให้รายได้ยังมีการเติบโต แต่ในส่วนของกำไรเองเราก็ตั้งเป้าที่จะรักษาให้ใกล้เคียงกับปีก่อน จากที่ก่อนหน้านี้เราคิดว่าจะมีการเติบโต เพราะเม็ดพลาสติก BU1 มีการแข่งขันค่อนข้างมาก ทำให้เรามีกำไรที่ลดลง แต่ก็ยัง maintain ใกล้กับปีก่อนเพราะเรามีการบริหารจัดการในเรื่องของต้นทุนที่ดี ทั้งการประหยัดต่อขนาด การบริหารจัดการเรื่องของการขนส่ง ทำให้มีต้นทุนที่ลดลง"นายสมชาย กล่าว
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทได้ลงนามความร่วมมือด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการตลาดกับบริษัท เทคโนกรีน จำกัด เมื่อวันที่ 31 มี.ค.57 ที่ผ่านมา ปัจจุบันก็ได้เริ่มจำหน่ายสินค้าที่เป็นน้ำยาล้างเครื่องจักรที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนได้ แม้ว่าปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้ยังมียอดขายไม่มากนัก แต่เชื่อว่าต่อไปจะมียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทให้ดีขึ้นด้วย เนื่องจากสินค้าดังกล่าวให้อัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างดี
"เราได้เป็นตัวแทนจำหน่ายในสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมที่เราจำหน่ายสินค้าให้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนได้ เรามองว่าถ้าเราสามารถทำให้ลูกค้าเข้าใจและเชื่อในตัวสินค้ามากขึ้น ยอดขายของเราก็จะมากขึ้นด้วย ซึ่งสินค้านี้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ค่อนข้างดีหากเรามีปริมาณขายมากขึ้นก็จะช่วยให้กำไรสุทธิของเราดีขึ้นด้วย"นายสมชาย กล่าว