สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 83,943 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 47,962 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 57.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 26,191 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 31.2% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,581 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB616A และ LB236A(รุ่นอายุ 4.8 ปี, 46.8 ปี และ 8.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 19,646 ล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)(BGH233A)มูลค่า 420.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บ้านปู(BANPU207A)มูลค่า 308.0 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด(มหาชน)(BJC157A)มูลค่า 201.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 930.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,646 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,682 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,983 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.06% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.04%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-4 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาล 2 รุ่น ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุน 2.12 และ 1.24 เท่าของวงเงินประมูล สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 8,983 ล้านบาท