เช้านี้ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA)และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/57 มีกำไรสุทธิ 254.63 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.20 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 121.41 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท
พร้อมชี้แจงว่า ในไตรมาส 3/2557 กำไรสุทธิรวมจำนวน 255 ล้านบาท เติบโต 310% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2556 ที่มีขาดทุนสุทธิรวมจำนวน 121 ล้านบาท
รายได้รวมขยายตัว 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 5,328 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้นจากโทรีเซน ชิปปิ้ง (+52% จากปีก่อน) จากเมอร์เมด มาริไทม์ (+5% จากปีก่อน) และบาคองโค (+7% จากปีก่อน) ซึ่งมากกว่ารายได้ ของ UMS ที่ลดลง (-43% จากปีก่อน) อัตราค่าระวางเรือของโทรีเซนชิปปิ้งอยู่ในระดับสูงตามการฟื้นตัวของธุรกิจเรือ ขนส่งสินค้าแห้งเทกองเมื่อเทียบกับปีก่อนและจำนวนวันเดินเรือที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน เมอร์เมด มาริไทม์ รับรู้รายได้จาก สัญญาระยะยาวในการให้บริการดำน้ำและบริการขุดเจาะที่ทำไว้กับซาอุดิอรามโค และลูกค้ารายอื่น
กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 1,308 ล้านบาท กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากโทรีเซน ชิปปิ้ง และบาคองโค โดยโทรีเซนชิปปิ้งมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากจำนวนกองเรือที่เพิ่มขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่าย และ การเพิ่มเรือเช่าเหมาลำ (Charter-in) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ธุรกิจปุ๋ยของบาคองโคมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการรักษาระดับราคาขายให้อยู่ในระดับสูงแม้ว่าราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง ขณะที่เมอร์เมด มาริไทม์ มีกำไรขั้นต้นลดลงจากอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือสนับสนุนการทำงานนอกชายฝั่งและเรือขุดเจาะ
ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนจำนวน 269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 351% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดย ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนของเมอร์เมด มาริไทม์ ใน AOD ซึ่ง AOD มีส่วนแบ่งรายได้ในไตรมาสนี้ 240 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุน 30 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
TTA มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) จำนวน 1,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% จากไตรมาส 3/2556 เป็นผลจากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเติบโตอย่างมาก ขณะที่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขายและการบริหาร(SG&A) เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย