แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในเดือน เม.ย.57 ภายหลังการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในช่วงปลายเดือน มี.ค.57 แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็ปรับตัวลงอีกครั้งในเดือน พ.ค.ต่อเนื่องเดือน มิ.ย.ภายหลังการรัฐประหาร เนื่องจากหลายประเทศได้ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมา และบางประเทศห้ามการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นแนวโน้มที่เริ่มดีขึ้นมาตั้งแต่เดือน ก.ค.57 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าอัตราการเข้าพักในไตรมาส 3/57 จะอยู่ที่ราว 62% และจะมีการปรับราคาห้องพักขึ้นราว 3% สำหรับไตรมาส 4/57 ก็เชื่อว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/57
"ปีนี้เราได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ช่วงปลายปี ทำให้รายได้ในครึ่งปีแรกลดลงถึง 20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ครึ่งปีหลังเราเชื่อว่าอัตราการเข้าพักจะเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่การเมืองเริ่มชัดเจน ทำมห้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเที่ยวมากขึ้น ทั้งปีเราจึงลดลงไม่มากเท่าครึ่งปีแรก ซึ่งรายได้ทั้งปีของเราจะลดลงราว 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน"นางกัลยะรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังเชื่อมั่นว่าในปี 58 รายได้จะกลับมาเติบโตไม่ต่ำกว่า 30-40% เมื่อเทียบกับปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีการเปิดโรงแรมแห่งใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีโรงแรมใหม่ในพัทยา 2 แห่ง คือ โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ เอ็กเซ็กคูทีฟ พัทยา เดือน ส.ค.57 และโรงแรมเมอร์เคียวพัทยา จะเปิดในไตรมาส 4/57 รวมถึง โรงแรมไอบีส กระบี่ จะเปิดในไตรมาส 4/57
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดให้บริการโรงแรมในกลุ่มบัดเจ็ทภายใต้แบรนด์"ฮ็อป อินน์"ที่เปิดให้บริการไปแล้วในไตรมาส 2/57 ที่ผ่านมาจำนวน 4 แห่ง และจะเปิดอีก 6 แห่งในช่วงไตรมาส 3/57 และไตรมาส 4/57 นี้ ซึ่งบริษัทยังมีแผนจะขยายโรงแรม"ฮ็อป อินน์"อีก 15 แห่งในปี 58 เพื่อสร้างเครือข่ายที่ครอบคลุมมากขึ้น
อนึ่ง ณ สิ้นปี 57 บริษัทจะมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 28 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอยู่ 16 แห่ง
"รายได้ของเราในปี 58 คงจะกลับมาเติบโตได้อย่างชัดเจนมากขึ้น จากการที่เราได้มีการขยายโรงแรมต่อเนื่อง และขยายโรงแรมเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Economy ที่มีความแข็งแกร่งในด้านของความต้องการ"นางกัลยะรัตน์ กล่าว
นางกัลยะรัตน์ กล่าวต่อว่า ในปี 58 บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 1.8 พันล้านบาท เพื่อขยายและปรับปรุงโรงแรม โรงแรมแบรนด์ ฮ็อป อินน์ 15 แห่ง และขยายกิจการในต่างประเทศ โดยมองความเป็นไปได้ในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ก่อน เบื้องต้นมองไว้ 5 แห่งจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไป โดยบริษัทตั้งเป้าจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศที่ 20% ในปี 63
พร้อมกันนั้น บริษัทยังเตรียมจะจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT)ในปี 58 ขนาดกองทุนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท