บริษัทปรับลดเป้ารายได้ลงมาที่ 2,600 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 3,210 ล้านบาท แต่ใกล้เคียงกับปี 56 ที่มีรายได้ 2,534 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากทางการเมืองตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีก่อนจนถึงครึ่งปีแรกของปี 57 ซึ่งส่งผลให้การอนุมัติโครงการของภาครัฐล่าช้าออกไป ขณะเดียวกัน ยังได้รับผลกระทบจากการส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศที่หดตัวจากภาวะการแข่งขันสูง หลังจากจีนและอินเดียส่งสินค้าเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น บริษัทจึงรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรกได้เพียง 800 ล้านบาท
"จากการเมืองเข้าส่งผลกระทบในช่วงครึ่งปีแรก เราจึงมองว่ารายได้น่าจะมาอยู่ที่ 2,600 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 80% ต่างประเทศ 20% โดยเรายังมีงานที่เข้าไปประมูลทั้งงานภาครัฐและภาคเอกชน มองว่าในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น และมั่นใจทั้งปีจะมีกำไรอย่างแน่นอน"นายสัมพันธ์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือราว 2,282 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 1,600 ล้านบาท ขณะที่มองแนวโน้มสถานการณ์ในครึ่งปีหลังเริ่มดีขึ้น โดยบริษัทเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐและภาตเอกชนมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 2,400 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 2,000 ล้านบาท และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 100 ล้านบาท ส่วนงานภาคเอกชนภายในประเทศ 1,700 ล้านบาท และงานต่างประเทศประมาณ 1,300 ล้านบาท รวมถึงงานอื่นๆอีก 600 ล้านบาท
ดังนั้น บริษัทจึงเชื่อว่าในปี 58 จะเป็นปีที่ดี เนื่องด้วยการดำเนินงานของภาครัฐจะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการอนุมัติโครงการใหญ่ๆที่จะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทฯอย่างมาก ประกอบกับความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าที่เริ่มกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติด้วย