“อนันดาฯ มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดด หลังจากที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปลายปี 55 โดยบริษัทสามารถสร้างกำไรในไตรมาสสองของปี 57 ถึง 319 ล้านบาท เทิร์นอะราวน์อย่างชัดเจนจากที่ขาดทุน 96 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทก็ซื้อที่ดินซึ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตและเปิดขายโครงการใหม่ในปีนี้ด้วย"นายชานนท์ กล่าว
ANAN ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/57 สร้างรายได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 166% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าไตรมาสแรก 41% อีกทั้งเกินกว่ายอดรายได้ที่ประมาณการไว้ 12% ส่งผลให้มีรายได้กว่า 2,519 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกำไรสุทธิ 319 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกถึง 188% และเพิ่มขึ้นกว่า 415 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 96 ล้านบาท
นอกจากนั้น ในไตรมาสสองของปีนี้สามารถสร้างยอดขายสูงถึง 1,671 ล้านบาท เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 109% ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนปรับเพิ่มเป้ายอดขายปีนี้อีก 20% เป็น 11.6 พันล้านบาท
นางมัณทนา เอื้อกิจขจร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน ANAN กล่าวว่า รายได้และกำไรดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่ายอดโอนบางส่วนจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจ แต่ด้วยความต้องการซื้อจากลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการรุกจัดกิจกรรมทางการตลาดที่ผ่านมาเป็นตัวช่วยผลักดันให้บริษัทสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตกว่า 166% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 36% ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ระดับ 34% และอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ที่ระดับ 13% จากไตรมาสแรกที่รายงานเพียง 6% สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดียิ่ง โดยอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 19% จากไตรมาสแรกที่ 24%
ด้านนายเท็ด โปษะกฤษณะ ถิระพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ ANAN เปิดเผยว่า ยอดขายในไตรมาสสองของปีนี้ ประสบผลสำเร็จดีเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้ายังคงได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์ทางการเมือง และสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยยอดขายคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่ตั้งเป้าไว้ 200% แม้ไม่มีการเปิดขายโครงการใหม่ ยอดขายในไตรมาสนี้มาจากโครงการเดิมทั้งสิ้น
“ลูกค้าของอนันดาฯ ยังไม่มีสัญญาณของปัญหาทางการเงิน แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง โดยลูกค้าที่ซื้อด้วยเงินสดยังมีมากถึง 35% และลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมของบริษัทสามารถขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินผ่านทุกราย ซึ่งกำลังจะสร้างสถิติที่น่าทึ่งว่าในปี 2557 ลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมของบริษัทจะขอสินเชื่อผ่านทุกราย"
นายชานนท์ กล่าวอีกว่า จากการออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี มูลค่า 4,000 ล้านบาท ในระดับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.4% ต่อปี ทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับการเติบโตในอนาคต และความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในตลาดการเงินได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการจัดหาเงินทุนซึ่งเพียงพอสำหรับการเติบโต แม้ในช่วงวิกฤตทางการเมืองก็ตาม