จากการสอบถามนักลงทุนยังคงสนใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยและหลักทรัพย์ของไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ จากอัตราการเติบโตที่ดี รวมไปถึงมีแผนและทิศทางการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน
ขณะที่ ทอท.ได้มีโอกาสทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ภายในประเทศที่เกิดขึ้น ทั้งในส่วนของภาพรวมการดำเนินการของ ทอท.ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบิน รวมไปถึงจำนวนเที่ยวบินการขนส่งที่ใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.เพื่อแสดงให้เห็นถึงอัตราการบินและรายได้ที่ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และเป็นไปตามที่ได้ประเมินไว้
พร้อมทั้งนำเสนอแผนดำเนินการช่วง 3-5 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับการขยายตัวของผู้โดยสาร และจำนวนสายการบินที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 58 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับนักลงทุนถึงการดำเนินการที่มีแผนการอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยรักษาอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรของ ทอท.ในระดับที่ดีและสม่ำเสมอ
นางพูลศิริ กล่าวว่า นักลงทุนมีความเข้าใจในสถานการณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเกิดจากลงทุนในประเทศไทยเป็นระยะเวลานาน และโดยส่วนมากเป็นการลงทุนในระยะยาวที่มองผลประกอบการในอนาคตเป็นปัจจัยสำคัญ อีกทั้งที่ผ่านมาเมื่อเกิดสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยก็สามารถคลี่คลายหรือฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง ทอท.เป็นบริษัทหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นกัน
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 3 ที่ผ่านมา(เม.ย.-มิ.ย.57) แม้ว่าจะปรับตัวลดลง แต่ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจตามที่ ทอท.ได้มีการประเมินไว้แล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ อย่างไรก็ดี ทอท.ได้พยายามปรับลดลงค่าใช้จ่ายและสร้างรายได้อื่นๆ นอกเหนือจากรายได้จากการบิน รวมไปถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสายการบินต้นทุนต่ำ ทำให้สามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงจากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวและปริมาณเที่ยวบินที่ลดลง โดยปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารเพียง 2-3% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 10%
อย่างไรก็ตาม ทอท. เชื่อว่าในงวดไตรมาส 4 ของปี จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวและปริมาณเที่ยวบินกลับมาสู่ภาวะปกติ รวมไปถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีแบบแผนและมีความชัดเจนถึงการดำเนินโครงการต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการปี 57 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะมีกำไรสุทธิที่ไม่รวมรายการพิเศษไม่ต่ำกว่าปี 56 ที่อยู่ที่ 9,652 ล้านบาท
ทั้งนี้ งวดไตรมาส 3/57 บริษัทมีรายได้ 9,095.81 ล้านบาท ซึ่งลดลง 6.37 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,479.46 ล้านบาท ลดลง 21.34% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนผลประกอบการ 9 เดือน (ต.ค.56-มิ.ย.57) บริษัทมีรายได้ 30,020.39 ล้านบาท ลดลง 4.72% และมีกำไรสุทธิ 9,947.34 ล้านบาท ลดลง 10%