LDC เผยก.ล.ต.นับ 1 ไฟลิ่งขายหุ้น IPO 120 ล้านหุ้น เข้า mai ต้น ก.ย.57

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 14, 2014 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นของ บมจ. แอลดีซี เด็นทัล(LDC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) ของ LDC เรียบร้อยแล้ว

LDC มีแผนจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น คิด เป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและ เรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนรวม 100 ล้านบาท แบ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 70 ล้านบาท และทุนจดทะเบียนรอชำระอีก 30 ล้านบาท คาดว่าจะเข้าสู่กระบวนการเสนอขายหุ้น IPO ได้ในช่วงไตรมาส 3/57 ตามแผนที่วางไว้

“ตอนนี้สำนักงานก.ล.ต.นับ 1 ไฟลิ่ง LDC เรียบร้อยเดินหน้าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ประมาณต้นเดือน ก.ย.57 น่า จะเทรดได้ ซึ่ง LDC เป็น ธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เชื่อว่าคลีนิกทันตกรรมภายใต้แบรนด์ LDC จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม โดยที่ผ่านมาได้เดินทางไปโรดโชว์ทั้งสิ้น 10 จังหวัดในหัวเมืองต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ารับฟังข้อมูลอย่างล้นหลาม"นายสมภพ กล่าว

ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ LDC กล่าวถึง บริษัทต้องการระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการขยายสาขาคลินิกทันตกรรมขนาดใหญ่เพิ่มเติม คาดว่าใช้เงินลงทุน 10 ล้านบาทต่อสาขา เพื่อให้มีสาขาครอบคลุมพื้นที่บริการทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และในต่างจังหวัด

“ที่ผ่านมา LDC มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง โดยใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ เป็นส่วนใหญ่ การระดมทุนจะช่วยให้บริษัทมีการเติบโตรวดเร็วขึ้น จึงเลือกเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดทุน โดยใช้จุดแข็งของบริษัท คือ เรามีระบบ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา การขยายสาขา เพิ่มอย่างต่อเนื่อง จะทำให้บริษัทฯ เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) สนับสนุนให้บริษัทมีการเติบโตแข็งแกร่งอย่างมากในอนาคต นอกจากนี้ LDC เป็นธุรกิจคลินิกทันตกรรม แห่งแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งการเป็นส่วนหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์จะทำให้ผู้บริหาร ทันตแพทย์ ผู้ช่วยทันตแพทย์ และพนักงานเกิดความภาคภูมิใจและตระหนักถึงการให้บริการที่ดี มีมาตรฐาน ยึดหลักบรรษัทภิบาล รับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น" ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว

ด้านนายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า คาดว่า LDC จะสามารถแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายฯ ในเร็วๆ นี้ โดยมั่นใจว่า LDC จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ ทันตกรรมซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น และด้วยมาตรฐาน ความสะอาดปลอดภัย จากการรักษาภายในห้องปลอดเชื้อ ซึ่งผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับกลางถึงระดับบนที่มีกำลังซื้อให้ความสำคัญในการเลือกรับบริการคลีนิกด้านทันตกรรม

ผลประกอบการของ LDC ตั้งแต่ปี 54-56 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 54 รายได้รวม 259.309 ล้านบาท ปี 55 รายได้รวม 315.54 ล้านบาท และปี 56 รายได้รวม 350.47 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากรายได้การรักษาทางการแพทย์ที่มีสัดส่วนรายได้หลักร้อยละ 95 สาเหตุหลักมาจากอัตราการใช้บริการด้านทันตกรรมเพิ่มขึ้น และการปรับราคาค่ารักษาบางรายการรวมทั้งการขยายสาขา

สำหรับกำไรสุทธิใน 3 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 54 อยู่ ที่ 1.73 ล้านบาท ปี 55 อยู่ที่ 11.25 ล้าน บาท และปี 56 อยู่ ที่ 13.21 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนขายและต้นทุนการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ