ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น บริษัทคาดว่าจะเปิดให้บริการคอมมูนิตี้มอลล์ได้ในเดือน พ.ย.นี้ หลังจากมียอดจองพื้นที่เข้ามาแล้วกว่า 90%
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท และคาดว่ากำไรก็จะเติบโตได้ราว 15%
แม้ว่าผลงานครึ่งปีแรกที่ออกมา JMART มีกำไรโตขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 56 เป็นไปตามภาพรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ที่ไม่คึกคักเท่าที่ควร จากผลกระทบทางการเมืองในประเทศส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว แต่เชื่อมั่นว่าในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจน มองว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนความเชื่อมั่นของบริโภคมากขึ้น
อีกทั้งการเปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์มือถือรุ่นใหม่ๆ จะเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นตลาดไอทีให้คึกคัก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่จะมีการ Road map สินค้าใหม่ในหลากหลายรุ่น จึงมั่นใจจะสนับสนุนยอดขายบริษัทให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
"แนวโน้มการเติบโตของตลาดมือถือในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก หลังสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยภาคครัวเรือนปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การเปิดตัวของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ อย่างแบรนด์ SAMSUNG, iPhone จะช่วยให้ตลาดมือถือสามารถกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง"นายอดิศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเน้นการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นจากร้านเจมาร์ทสาขาเดิม ทั้งส่วนลด โปรโมชั่นทางการตลาดที่ออกมาสนับสนุน โดยวางงบการตลาดไว้ 220 ล้านบาทในปีนี้ รวมถึงบริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มยอดขายให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะมีร้านเจมาร์ทในประเทศเพิ่มเป็น 262 สาขาในปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 259 สาขา ซึ่งตั้งงบลงทุนขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิมไว้ 82 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ การเติบโตของโทรศัพท์มือถือยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งจากการ Set up ระบบจะส่งผลให้มีซิมการ์ดเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยบริษัทฯมีการลงทุนเปิดร้านเจมาร์ทไปแล้ว 16 สาขา และตั้งเป้าหมายสิ้นปีจะเปิดให้ได้ 26 สาขา ใช้งบลงทุนราว 100 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากเมียนมาร์เข้ามาตั้งแต่สิ้นปีนี้ พร้อมทั้งตั้งเป้าเป็นผู้นำในธุรกิจจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์สื่อสารที่เมียนมาร์ภายในระยะเวลาอีก 5 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมรับการเปิด AEC ต่อไป
“การเติบโตของตลาดโทรศัพท์มือถือในเมียนมาร์ยังเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ โดยในปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นปีของการ Set up ระบบ ได้มีการประมูลผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในเมียนมาร์แล้ว 4 ราย ซิมการ์ดจะเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดมากขึ้นในขณะที่ราคาจะถูกลง ส่งผลให้ความต้องการใช้มือถือสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน จึงมองว่ายอดขายและความชัดเจนธุรกิจในเมียนมาร์ของบริษัทจะเข้ามามากขึ้นภายในปีนี้ และสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตแบบก้าวกระโดดได้ในปีหน้า" นายอดิศักดิ์ กล่าว
สำหรับ บมจ. เจ เอ เอส แอสเซ็ท ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเรียบร้อยแล้ว และผลงานที่ผ่านมา ได้เดินตามแผนการขยายสาขาธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าได้ตามที่วางไว้ พร้อมคาดผลงานในปีนี้จะขยายสาขาเป็น 54 สาขา จากต้นปีมี 45 สาขา
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชนภายใต้ชื่อโครงการ “The JAS"มูลค่าลงทุนราว 400 ล้านบาทสาขาแรกที่วังหินเตรียมเปิดให้บริการและจะเริ่มรับรู้รายได้เดือนพ.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจเข้ามาติดต่อเช่าพื้นที่แล้วกว่า 90% ส่วนสาขาลาดปลาเค้า สาขาที่ 2 เตรียม เปิดให้บริการช่วงปีหน้า อีกทั้งอยู่ระหว่างเดินตามแผนการขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้ามาทำการซื้อขายได้ภายในกลางปี 58
"ยังคงเป้ากำไรและรายได้ที่ 15% เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกได้...เราก็ยังสบายใจในธุรกิจของเรา เชื่อว่าทั้งปีผลประกอบการจะเติบโตน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายได้"นายอดิศักดิ์ กล่าว