(เพิ่มเติม) JMT ปรับเพิ่มเป้าซื้อหนี้ปีนี้อีก 7พันลบ./คาดกำไรโต 50%-รุกเข้าพม่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 14, 2014 16:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส(JMT)เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปีนี้กำไรสุทธิจะเติบโตได้ 50% จากปีก่อนมีกำไร 75.08 ล้านบาท และรายได้จะเติบโต 40% จากปีก่อนอยู่ที่ 363 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ปรับเป้าหมายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ที่ 13,000 ล้านบาท หรือสนับสนุนพอร์ตบริหารหนี้ในปีนี้ให้อยู่ที่ระดับ 50,000 ล้านบาท จากปี 56 มีพอร์ตบริหารหนี้อยู่แล้ว 30,000 ล้านบาท

เนื่องจากภาพรวมผลงานครึ่งปีแรก บริษัทซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนพอร์ตบริหารหนี้ของบริษัทให้อยู่ที่ราว 38,000 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และมั่นใจแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกหลังจากเริ่มเห็นทิศทางความต้องการขายหนี้ออกมาค่อนข้างมาก และด้วยรูปแบบของธุรกิจช่วงปลายปีที่สถาบันการเงินต่างๆ ทยอยขายหนี้ออกมามากกว่าครึ่งปีแรก สนับสนุนเป้าหมายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารของ JMT ให้เป็นไปตามที่วางไว้ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ที่ 52% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 20-30% เนื่องด้วยบริษัทฯมีการเร่งตัดหนี้ก้อนใหญ่หมดแล้ว เพื่อรับรู้รายได้เต็มจำนวนในช่วงไตรมาส 2/57 เป็นต้นไป

นายปิยะ กล่าวว่า โอกาสทางธุรกิจของ JMT ยังมีทั้งตลาด RETAIL ที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในหนึ่งปีจะมีอัตราการเติบโตจากการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และจากการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นทั้งจากการลงทุนของต่างชาติและการแข่งขันของ Bank และ Non-Bank ส่งผลให้ NPL ในระบบสูงขึ้นตามไปด้วย เป็นส่วนสนับสนุนให้เกิดการปล่อยหนี้ออกมาขายเพิ่มขึ้นตามลำดับ

สำหรับบริษัทฯย่อย ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์เจ จำกัด หรือ JAM ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์นั้น มองว่ายังมีหนี้ในตลาดนี้อีกมากที่ JMT จะเข้าไปรุกตลาดได้มากขึ้น โดยเน้นหนี้ระดับต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนและจะเติบโตอย่างมากในปี 58 ขณะที่บริษัทก็มองการเข้าไปประมูลหนี้ฟ้องร้องจากศาลมาบริหาร ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำ และไม่จำกัดระยะเวลาการทวงหนี้แม้จะหมดอายุความแล้วก็ตาม ซึ่งจะเป็นตัวผลักดันให้พอร์ตบริหารหนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนบริษัท เจ อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์(JIB) ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ทั้งประกันวินาศภัย ประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เป็นการขยายธุรกิจ และการลงทุนต่ำมาก เนื่องจากใช้บุคคลากรและระบบเดิม ซึ่งบริษัทสามารถจำหน่ายกรรมธรรม์ผ่านช่องทางโทรศัพท์และออนไลน์เหมือนรายใหญ่ในตลาดอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถขายผ่านโมเดิร์นเทรด รวมทั้งเปิดบูทบริการลูกค้า รวมทั้งใช้ช่องทางการขายผ่านร้าน JMART เพิ่มเติมอีกด้วย จึงเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจะสนับสนุนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตมากยิ่งขึ้นอีก

ขณะที่การรุกตลาดต่างประเทศ บริษัทยังอยู่ระหว่างการขอจดทะเบียนเพื่อดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อให้แก่บุคคลทั่วไป (Micro Finance) ในประเทศพม่า โดยจะเริ่มการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวผ่านร้านเจมาร์ท ซึ่งไปเปิดสาขาในพม่าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในธุรกิจนี้ในช่วงต้นปี 58 โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในปี 58 ไว้ที่ 30 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ