(เพิ่มเติม) BANPU เล็งชะลอแผนลงทุนบางส่วนในงบ 5 ปี หันศึกษาตั้งโซล่าร์ฟาร์มในไทย-ญี่ปุ่น-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 14, 2014 17:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) กล่าวว่า บริษัทอาจพิจารณาเลื่อนการลงทุนในบางโครงการที่อยู่ในแผนลงทุนเดิม 5 ปี(2012-2016)ที่มีการตั้งงบลงทุนไว้ราว 1,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใช้ไปแล้ว 494 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเหลือที่ต้องลงทุนอีก 779 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้มีโอกาสจะชะลอการลงทุนราว 100-150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เนื่องจากบางเหมืองในออสเตรเลียอาจต้องเลื่อนการลงทุนออกไป เช่น นิวสแตน ที่เดิมมีแผนจะขยายไปอีกฝั่ง แต่ขณะนี้ภาวะตลาดเปลี่ยนไป ต้นทุนที่ลงทุนไปสูงมาก จึงต้องตัดส่วนต้นทุนสูงออกไปก่อน ส่วนการพัฒนาเหมืองในมองโกเลียขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยงบลงทุนที่ตั้งไว้ในเบื้องต้น 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็อาจจะใช้แค่ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะกว่าจะลงทุนก่อสร้างอาจจะเลื่อนไปเป็นปี 59

ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างมอบหมายให้ทีมงานศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งเบื้องต้นมองว่าโอกาสที่จะลงทุนในญุ่ปุ่นอาจทำได้ก่อน แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องที่ดินที่จะต้องใช้เวลาศึกษาอีกระยะหนึ่ง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของโมเดลธุรกิจโซล่าฟาร์มในญี่ปุ่นราวปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ส่วนที่จีนก็มองว่ามีศักยภาพที่จะเข้าไปลงทุนค่อนข้างมากเช่นกัน

“การประหยัดงบของออสเตรเลียและมองโกเลียที่จะลดลงไป ก็จะไปเผื่อเพิ่มการลงทุนในโซล่าฯ ญี่ปุ่น ซึ่งใช้เงินไม่มาก“นายชนินท์ กล่าว

ปัจจุบัน BANPU มีกระแสเงินสด 700-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีหนี้สินที่ 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทได้ออกหุ้นกู้เมื่อวันที่ 2 ก.ค.วงเงิน 8000 ล้านบาท อายุ 6 ปี และ 10 ปี ต้นทุนเฉลี่ย 4.5-4.6% เพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้บางส่วน เพื่อทำให้หนี้สินที่มีดอกเบี้ยคงที่เพิ่มสัดส่วนขึ้นจาก 65% โดยในอนาคตหากอัตราดอกเบี้ยในประเทศหรืออัตราดอกเบี้ยโลกปรับขึ้น บริษัทก็จะมีภูมิคุ้มกันบางส่วน ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ในปัจจุบันอยู่ที่ 1 เท่าเช่นเดิม

นายชนินท์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 1.08 แสนล้านบาท แม้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจะลดลงมาที่ 70-71 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 72 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ตามภาวะตลาดราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง โดยครึ่งแรกราคาเฉลี่ยที่ 69 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน แต่ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายถ่านหินจาก 3 ประเทศเพิ่มเป็น 48.80 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 45 ล้านตัน

สำหรับแนวโน้มราคาถ่านหินจากนี้ยังไม่ดี อย่างช่วงปลายไตรมาส 2/57 ถึงต้นไตรมาส 3/57 การซื้อขายยังน้อยทำให้ราคายังผันผวน โดยในเดือน ก.ค.ราคายังต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน แต่ขณะนี้ขึ้นไปที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันแล้ว อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปก็มองว่ายังผันผวนอยู่ เพราะรัฐบาลจีนมีนโยบายดูแลไม่ให้เศรษฐกิจเติบโตสูงเกินไป ซึ่งการขายถ่านหินในช่วงครึ่งหลังคงจะไปเน้นที่ตลาดอินเดีย เพราะความต้องการสูงกว่าในระยะต่อไป นอกจากนี้ยังมีนโยบายขายในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น เนื่องจากญี่ปุ่นต้องการนำเข้าถ่านหินปีละ 125 ล้านตัน แต่ปัจจุบันขายอยู่แค่ 8 ล้านตัน น่าจะทำได้เพิ่มอีก 10%

“การผลิตและขายของบ้านปูเวลาที่ถ่านหินมีเกินในตลาดทั้งอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เราไม่เพิ่มซัพพลายในตลาดเลย ส่วนใหญ่จะเน้นลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และปีนี้ BLCP ในไทยทำได้ดี โรงไฟฟ้าทั้ง 3 โรงที่จีนก็มีส่วนเพิ่มกำลังผลิต ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่ลาวมีความคืบหน้าแล้ว 90% เป็นไปตามแผน คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้กลางปี 58"นายชนินท์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ