นางวรรณี จันทามงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายบัญชีและการเงิน HMPRO เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หลังจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมารายได้เติบโตไปแล้วกว่า 20.9% และช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ารายได้จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากโดยปกติแล้วรายได้ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกอยู่แล้ว นอกจากนี้ ภาพรวมของยอดขายในกรุงเทพก็กลับมาได้ค่อนข้างเร็ว และฟื้นตัวได้ดีกว่าต่างจังหวัด ส่วนการฟื้นตัวในจังหวัดที่พึ่งพิงการเกษตรกรรมสัญญาณยังไม่ชัดเจนนัก แต่ภาพรวมก็ถือว่าปรับตัวดีขึ้น
"ครึ่งปีแรกที่มีการเมืองแต่เราก็ยังสามารถมีการเติบโตได้ถึง 20.9% และปัจจุบันการเมืองเองก็เริ่มสงบลง และยอดขายเองก็ฟื้นตัวได้ค่อนข้างดียกเว้นจังหวักที่พึ่งพิงเกษตรกรรมที่กำลังซื้อยังกลับมาไม่ชัดเจนมากนัก แต่ก็ไม่เป็นผลกระทบมากนักกับลูกค้าของเรา เพราะลูกค้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับเกษตร ไม่ใช่เกษตรกรโดยตรง รวมไปถึงส่วนใหญ่ช่วงครึ่งปีหลังทั้งยอดขายและกำไรจะดีกว่าครึ่งปีแรกตามฤดูกาลปกติอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเรายังจะมุ่งเน้นฐานลูกค้ที่เป็นสมาชิกที่เรามีอยู่ถึง 2 ล้านราย ซึ่งเป็นสัดส่วนในยอดขายถึง 60-80% ของยอดขายทั้งหมดต่อเดือน"นางวรรณี กล่าว
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 7-8 พันล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม รวมถึงการขยายพื้นที่ โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเปิดเมกาโฮมแล้ว 2 แห่ง และโฮมโปร 3 แห่ง ช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดโฮมโปรอีก 5 สาขา คือ นครราชสีมา ชลบุรี ภูเก็ต และเชียงใหม่ ส่งผลให้ ณ สิ้นปีคาดจะมีโฮมโปร รวมเป็น 70-71 สาขา และอีก 1 สาขาในมาเลเซียที่จะเปิดในเดือน พ.ย.57 มูลค่าการลงทุนราว 600-800 ล้านบาทคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 3 ปี
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อที่จะตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังริมทรัพย์(REIT) ในปี 58 โดยจะนำศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจหัวหิน ไปยังกองทรัสต์ ซึ่งเดิมตามแผนจะตั้งกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์แอลเอชช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ซึ่งการแยกออกจากกันนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท
"เราแยกกองจากเทอมินอล 21 ออกมาเพราะสินทรัพย์ทั้งสองชิ้นมีมูลค่าค่อนข้างมากอยู่แล้ว ซึ่งมากพอที่จะสามารถระดมทุนด้วยตัวเองได้ เราจึงแยกออกมาแบ่งเป็นสองกอง"นางวรรณี กล่าว