ทั้งนี้ ที่ประชุม กพช.เห็นชอบให้ PTT ดำเนินการแยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติออกจากกิจการจัดหาและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติในลักษณะการแบ่งแยกตามกฎหมายออกไปในรูปบริษัทจำกัด โดยให้ PTT ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.58 ในช่วงแรกโดยไม่มีการแปรรูปพร้อมให้กระทรวงการคลังพิจารณาเข้าไปถือหุ้นตามสัดส่วนต่อไป และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกเว้นภาษีต่างๆ และค่าธรรมเนียมในการโอนทรัพย์สินจาก PTT ให้แก่บริษัทจำกัดที่จัดตั้งขึ้นใหม่
"เบื้องต้นจะให้ปตท.จะถือหุ้นในบริษัทท่อก๊าซดังกล่าว 100% ภายในเดือนมิถุนายนปี 2558 และหลังจากนั้นให้กระทรวงการคลังเข้าไปถือหุ้นแทนในสัดส่วน 25% และในระหว่างนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)จะจัดทำหลักเกณฑ์ เพื่อให้บุคคลที่ 3 มาใช้บริการท่อส่งก๊าซได้ โดยให้ดำเนินการภายในมีนาคม 2558 และยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้จะไม่มีการแปรรูปบริษัทท่อก๊าซดังกล่าวอย่างแน่นอน" นายอารีพงศ์ กล่าว
พร้อมกันนี้ ยังรับทราบการดำเนินการของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการจัดทำข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับ การเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Regime : TPA Regime) โดยให้ประกาศใช้ได้ภายใน เดือน มี.ค.58 พร้อมกับมอบหมายให้ สนพ.และ กกพ.ดำเนินการทบทวนการกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสามารถรองรับกับโครงสร้างการแข่งขันในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น และให้นำกลับมาเสนอ กพช.เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป
ด้านนายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ระบุว่า กพช.ได้อนุมัติการยกเว้นภาษีการโอนย้ายท่อก๊าซระหว่าง ปตท.กับบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ เพราะหากมีภาษีจะกระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชนในอนาคต
นายอารีพงศ์ กล่าวด้วยว่า กพช.ยังได้พิจารณาเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของ บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง(SPRC) โดยเห็นชอบ(ร่าง)สัญญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) "สัญญาจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม" ระหว่างกระทรวงพลังงานกับ SPRCเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายส่งเสริมการแข่งขันของธุรกิจการกลั่นน้ำมันโดยเสรี โดยให้ ปตท.ลดสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการโรงกลั่นน้ำมัน SPRC ลง เพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนไม่น้อยกว่า 30% ของทุนจดทะเบียน และให้ SPRC จำหน่ายหุ้นให้กับประชาชนในตลาดหลักทรัพย์ภายในไตรมาส 2/58 หรือภายใน 6 เดือนภายหลังจากวันที่ลงนามในสัญญาฯ
"ที่ประชุมกพช.ยังได้ให้บริษัท ปตท.ลดสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการโรงกลั่นน้ำมัน SPRC เพื่อให้ธุรกิจน้ำมันมีการแข่งขันการมากขึ้น ซึ่งกระบวนการทาง SPRC จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประมาณกลางปีหน้า และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถือหุ้น 36% และอีก 64% ให้บริษัทเชฟร่อนเจ้าของ SPRC เป็นผู้ถือหุ้น" ปลัดกระทรวงพลังงานระบุ