แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังค่าการกลั่นจะอ่อนตัวลง แต่คาดว่าจะรีบาวด์ในช่วงปลายไตรมาส 3/57 ถึงไตรมาส 4/57 ส่วนราคาอะโรเมติกส์ คาดว่วจะรีบาวด์กลับมาหลังจากดีมานด์และซัพพลายเข้าสู่จุดสมดุล เพราะหากมาร์จิ้นต่ำก็จะทำให้บรรดาโรงงานลดการผลิตลง จึงเชื่อว่ามาร์จิ้นไม่น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์(สเปรด)พาราไซลีนน่าจะทรงตัวอยู่ที่ประมาณกว่า 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาน้ำมันหล่อลื่นก็น่าจะทรงตัว เพราะยังไม่มีกำลังการผลิตใหม่ออกมาสู่ตลาดเพิ่มเติม
"ปกติค่าการกลั่นจะมาตกท้องช้างในไตรมาส 3 และรีบาวด์ในไตรมาส 4 อะโรเมติกส์ก็ผ่านช่วงต่ำที่สุดแล้ว"นายวีรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ TOP มีค่าการกลั่นรวม(GIM)ไม่รวมสต๊อกน้ำมันที่ 5.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู๋ในระดับ 7.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี ในปีนี้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)ของโรงกลั่นจะดีขึ้น 50 เซ็นต์/บาร์เรลหลังจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนเพิ่มเติม รวมถึงเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในหอกลั่นน้ำมันดิบ ซึ่งโครงการนี้ลดการใช้เชื้อเพลิงถึงประมาณ 15,000 ตัน/ปี และยังสามารถผลิตน้ำมันอากาศยานที่มีมูลค่าสูงได้เพิ่มขึ้น อนึ่ง มูลค่าการลงทุนโครงการนี้อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมลงทุนในโครงการไฟฟ้าขนาดเล็ก(SPP) 2 โครงการ รวมขนาดกำลังการผลิต 239 เมกะวัตต์ และไอน้ำรวม 498 ตัน/ชั่วโมงมีแผนผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 59 พร้อมกัน มูลค่าลงทุน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนโครงการผลิตสาร LAB ภายใต้บริษัท ลาบิกซ์ จำกัด ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือ TOP กับบริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี จำกัด ขนาดกำลังการผลิต 1 แสนตัน/ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างตามแผนงาน โดยมีความคืบหน้าไปแล้วราว 52% ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างฐานราก ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/58