ทั้งนี้การที่ตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมันในไตรมาส 2 หดตัวเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราว คือ 1) มีฐานที่สูงในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งขยายตัวในระดับสูงผิดปกติที่ 0.7% เนื่องจากสภาพอากาศอบอุ่น ส่งผลให้เกิดกิจกรรมในภาคการก่อสร้างและการผลิตมากกว่าปกติในไตรมาสแรก และ 2) แรงงานใช้วันหยุดมากกว่าปกติในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว
นอกจากนี้ตลาดหุ้นเยอรมันยังจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก การผ่อนคลายนโยบายการเงินของ ECB เช่นการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกับภาคธนาคาร (Target LTRO) ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินยูโรที่อ่อนค่า และเป็นปัจจัยบวกต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนในเยอรมัน ซึ่งมีรายได้จำนวนมากจากต่างประเทศ ทั้งนี้ดอยซ์แบงก์ยังคงมองว่าธนาคารกลางยุโรปจะออกมาตรการเพิ่มเติม เช่น การเข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อธนาคารพาณิชย์หนุนหลัง (ABS) ในต้นปี 2558
“เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเยอรมันในช่วงครึ่งหลังของปี และมองผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในเยอรมันจะขยายตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีด้วย และจังหวะที่ตลาดหุ้นเยอรมันมีการปรับฐานลงมาแรงนั้น เรามองว่าเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน เพราะหากเมื่อเทียบกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเยอรมันที่จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง เมื่อหุ้นดีดกลับก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่ดีเช่นกัน ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะเข้าลงทุนเพิ่ม โดย Valuation ของดัชนี DAX ที่เทรดที่ P/E เพียง 13 เท่า ในปีนี้ และ 11.5 เท่าสำหรับปีหน้า ซึ่งต่ำสุดในกลุ่มประเทศยุโรป (เทียบกับ P/E ของดัชนี STOXX600 ที่ 15 เท่า) " นายคมศร กล่าว