ทั้งนี้บริษัทมั่นใจรายได้ในปีนี้เติบโต 20% จากปี 56 ที่มีรายได้ 1 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 12% จากปีก่อนที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.8% ซึ่งผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นผลการดำเนินงานที่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินงานมา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงที่สุด โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 40% หรือ 4.8 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 58-59
"ครึ่งปีหลังนี้เราจะโตมากกว่าครึ่งปีแรกในแง่ของรายได้และกำไร แม้ว่าครึ่งปีแรกรายได้และกำไรของเราดูเหมือนยังห่างเป้าหมาย แต่ก็เป็นไปตามที่เราตั้งเป้าไว้ เพราะจริงๆไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเราก็เริ่มมีการโอนคอนโดเข้ามาแล้ว ทำให้ในไตรมาส 2 ดีกว่บไตรมาส 1 มาก และไตรมาส 3 และ 4 นี้ ก็มีการคอนโดเข้ามาอีกเยอะ จาก Backlog ที่เรามี 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยจะรับรู้ปีนี้ 40% และเรายังมีรายได้ค่าเช่าออฟฟิศมาช่วยหนุน ทำให้เป้ารายได้ที่ตั้งไว้ทั้งปี 1.2 หมื่นล้านบาททำได้อย่างแน่นอน และอัตรากำไรขั้นต้นก็จะสูงเกือบ 12% ทำให้ปีปี้ผลประกอบการทำนิวไฮ แต่ต่อไปการเติบโตปีละ 20% จะค่อนข้างยากหน่อย เพราะว่า Backlog ก็จะลดลงไปตามการโอน แต่มองไว้หลังจากนี้โอกาสที่เป็นไปได้ของรายได้น่าจะเติบโตประมาณปีละ 15%"นายณัฐพงศ์ กล่าว
ขณะที่ยอดขาย Pre sale บริษัทยังมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยยอดขาย Pre sale 6 เดือนแรกของบริษัทอยู่ที่ 3.46 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังบริษัทจะเดินหน้าทยอยเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่า 7.75 พันล้านบาท โดยในไตรมาส 3/57 เปิด 2 โครงการแนวราบ และ 1 โครงการโฮมออฟฟิศ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยวไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ มูลค่า 830 ล้านบาท โครงการไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด วงแหวน-พระราม 9 มูลค่า 1.2 พันล้านบาท และโฮมออฟฟิศระดับพรีเมียม โครงการเวิร์เพลส ราชพฤกษ์-จรัญฯ มูลค่า 720 ล้านบาท
ส่วนในไตรมาส 4/57 จะเปิด 1 โครงกาแนวราบระดับ Luxury และ 1 โครงการแนวสูงระดับ Luxury เช่นกัน ได้แก่ โครงการคฤหาสน์หรู กรานาดา เพชรเกษม-ปิ่นเกล้า มูลค่า 2 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ใจกลางศาลาแดง มูลค่า 3 พันล้านบาท ส่วนโครงการใหม่ของบริษัททั้งหมดในปีนี้ได้วางแผนเปิดทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่า 1.06 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกได้เปิดไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่า 2.9 พันล้านบาท
ทั้งนี้นอกจากการเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ที่จะช่วยผลักดันยอดขาย Pre sale ของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว บริษัทยังมีมูลค่าโครงการคงเหลือเพื่อขายรวมกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท (โครงการที่เหลือขายเดิม 2.5 หมื่นล้านบาท และโครงการที่เปิดใหม่ในครึ่งปีหลังกว่า 7 พันล้านบาท) ก็จะเป็นส่วนช่วยในการผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าได้
"ยอดขายยังมั่นใจทำได้ตามเป้า 1.2 หมื่นล้าน แม้ว่าครึ่งปีแรกจะทำได้เพียง 3.46 พันล้านบาท เพราะตอนนีเหตุการณ์ทางการเมืองกลับสู่สภาพปกติ และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นเริ่มกลับมามากขึ้น ลูกค้าเริ่มมีการตัดสินใจจองและซื้อโครงการมากขึ้น จะเห็นได้จากเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมาบรรยากาศดีขึ้น ยอดขายก็เริ่มกลับมา แต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ยอด Pre sale เราดีที่สุดในรอบปี ราวๆ 800-900 ล้านบาท เรายังคงเป้าหมายเดิม เพราะเราก็ยังมีโครงการที่ยังขายได้อีกซึ่งรวมโครงการใหม่ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท"นายณัฐพงศ์ กล่าว
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน SC กล่าวว่า บริษัทได้มีการขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพื่อดำเนินการออกหุ้นกู้มูลค่า 4.6 พันล้านบาท ในการประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ขณะนี้มองว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะออกหุ้นกู้ในปีนี้ เพราะว่าบริษัทยังมีกระแสเงินสดที่เพียงพอและมีที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทำให้ในปีนี้อาจจะยังไม่มีการออกหุ้นกู้ แต่คาดว่าในช่วงกลางปี 58 จะมีการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อมาทดแทนหุ้นกู้ชุเดิมที่ครบกำหนดชำระมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทอย่างแน่นอน
"ปีนี้แผนการออกหุ้นกู้ก็ยังไม่มีความแน่นอน ถ้าถามว่ามีโอกาสไหม ก็มีโอกาสออกในปีนี้ แต่เราก็ยังไม่มีความจำเป็นมากที่จะออกในปีนี้ เพราะกระแสเงินสดเรายังพอและที่ดินก็มีรองรับการพัฒนบโครงการใหม่ได้อีก 2-3 ปีข้างหน้า ก็ยังไม่แน่มั่นใจว่าจะออกปีนี้ไหม เพราะว่าจริงๆก็ขอผู้ถือหุ้นไปว่าจะออกหุ้นกู้ 4.6 พันล้านบาท แต่กลางปีหน้าเราคาดว่าจะออกอย่างแน่นอน เพราะต้องออกหุ้นกู้ใหม่มาทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะหมดอายุ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท"นายอรรถพล กล่าว
สำหรับงบที่ใช้สำหรับการซื้ที่ดินใหม่ในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 4 พันล้านบาท ครึ่งปีแรกใช้ซื้อที่ดินใหม่ไปแล้ว 1.9 พันล้านบาท