กองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย และสถาบันการเงิน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดย บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์, บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.ศุภาลัย, บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์, ธนาคารเกียรตินาคิน และ บมจ.บัตรกรุงไทย ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A+, A, A, A, A- และ BBB+ ตามลำดับ นอกเหนือจากนั้น บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอเอส (KEFF6MAH) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เบื้องต้นประกอบด้วย เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง (A/Fitch), เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี (BBB-/Fitch), ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี (BBB-/Fitch), ตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB-/Fitch) และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่ค้ำประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล (BBB-/Fitch)
กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว แนะนำกองทุน เปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีคิว (KFI3MEQ) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.30% ต่อปี ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนใน เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง (A/Fitch), เงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch), ตราสารหนี้ ธนาคารธนชาต(A+(tha)/Fitch) ,ตราสารหนี้ บริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (AAA(tha)/Fitch) และตั๋วแลกเงิน บมจ.แคปปิตอล ออโต้ ลีส ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A+ ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท