บริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงสาขาฮอทพอท แวลู เป็นฮอทพอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ เพื่อลดความสับสนในแบรนด์สินค้าของฮอท พอท ประกอบกับ ฮอทพอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ มีความหลากหลายของอาหาร รวมทั้งความทันสมัยมากกว่าด้วย ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาส 3/57
พร้อมกันนี้ บริษัท มีแผนเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะเปิดสาขาประมาณ 15-16 สาขาในห้างสรรพสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเปิดสาขาล่าสุดในที่เซ็นทรัล พลาซ่า ศาลายา ทำให้ปัจจุบัน บริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 152 สาขา แบ่งเป็นฮอท พอท 135 สาขา และไดโดมอน 17 สาขา ขณะที่บริษัทได้ปิดสาขาที่ผลประกอบการขาดทุน ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาเปิดบริการในพื้นที่ใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อมั่นว่าการปิดสาขาฮอทพอทที่ขาดทุนจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในภาพรวมของบริษัทในอนาคต
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทได้เริ่มเข้าไปศึกษาการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องศึกษารายละเอียดในแต่ละประเทศอย่างรอบด้าน เนื่องจากมีข้อแตกต่างทั้งเรื่องข้อกฎหมาย ศาสนา วัฒนธรรมรวม ทั้งรูปแบบของการเข้าไปลงทุน รวมทั้งบริษัทยังมีแผนจะบุกตลาดน้ำจิ้มสุกี้ โดยจะเริ่มวางขายในร้านค้าปลีกในประเทศเพิ่มเติมภายในไตรมาส 4/57
“ช่วงที่ผ่านมาผู้บริโภคไม่ค่อยมีอารมณ์ใช้จ่าย เพราะการเมือง เศรษฐกิจ บวกกับเราไม่ทำการตลาดมากเหมือนช่วงที่ผ่านมา เพราะทำไปก็ยิ่ง เสียค่าใช้จ่าย ที่ไม่คุ้มค่า ทำให้ยอดขายลดลง ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ปีนี้ ต่อเนื่อง แต่ไตรมาส 2/57 เริ่มกลับมามีกำไรส่งสัญญาณที่ดีโดย ครึ่งปีหลังมีแผน ทำการตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจาก เริ่มเห็นสัญญาณ การใช้จ่ายมาก ขึ้นตั้งแต่สิงหาคมเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะมีรายได้กำไรที่ดีขึ้น"นางสาวสกุณากล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/57 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 621.49 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายลดลง โดยเฉพาะการให้ส่วนลดบุฟเฟ่ต์ อาทิ โปรโมชั่นมา 4 จ่าย 3, โปรโมชั่นมา 3 จ่าย 2 ประกอบกับเหตุการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อตั้งแต่ไตรมาส 4/56 จนถึง กลางไตรมาส 2/57 ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้จ่ายของประชาชน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/57 บริษัทมีรายได้รวม 628.16 ล้านบาทในไตรมาส 2/57 เพิ่มขึ้นจำนวน 36.75 ล้าน บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.21 สาเหตุมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในแต่ละสาขา ประกอบกับการขยายสาขาใหม่ที่มีศักยภาพ การปรับรูปโฉมสาขาให้เป็นรูปแบบ HOTPOT ควบคู่ DAIDOMON ปัจจุบันมีจำนวน 21 สาขา ซึ่งทิศทางการเปิดสาขาใหม่จะเป็นรูปแบบใหม่นี้อย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงไดโดมอนในรูปโฉมร้านใหม่ได้รับการตอบรับอย่างดี รวมทั้งการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงาน บริษัทมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/57 อยู่ ที่ 1.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/57 ที่ ขาดทุนสุทธิ 5.95 ล้านบาท นับเป็นการส่งสัญญาณว่าบริษัทเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน