บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT)มูลค่าที่เหมาะสม 250 บาทต่อหุ้น อิงวิธี DCF เพื่อสะท้อนกำไรในระยะยาวที่สามารถคาดการณ์ได้ และการขยายโครงการต่าง ๆ
ผู้บริหารเชื่อว่าการพิจารณางบประมาณของทางคสช.จะได้ข้อสรุปในวันที่ 30 กันยายน เกี่ยวกับโครงการทั้งเจ็ดของ AOT ซึ่งรวมไปถึง สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 โดยผู้บริหารคาดว่าโครงการจะได้รับอนุมัติ เนื่องจากพบว่ามีความคิดเห็นเชิงบวกจากคณะกรรมการระหว่างกระบวนการทบทวนโครงการ และหากผ่านอนุมัติแล้วคาดว่าสร้างได้เสร็จในปี 2560
การขยายสนามบินดอนเมือง เฟส 2 คาดว่าสร้างเสร็จในวันที่ 30 กันยายนเช่นกัน ด้วยเงินลงทุน 3.66 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น โดยจะรับได้ถึง 30 ล้านคนต่อปี
สำหรับการพัฒนาสนามบินดอนเมือง เฟส 3 AOT จะวางแผนลงทุน 8 พันล้านบาท เพื่อขยายให้รองรับผู้โดยสารได้เป็น 60 ล้านคนต่อปี ในปี 2563 สำหรับสนามบินสุวรรรภูมิ เฟส 3 มูลค่าลงทุน 1.54 หมื่นล้านบาท และ รันเวย์ แห่งที่สาม มูลค่าลงทุน 1.67 หมื่นล้านบาท ถูกวางแผนว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2564 และปี 2566 ตามลำดับ
โครงการสร้างเมืองรอบสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า 1.85 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างการศึกษา ในโครงการจะประกอบด้วยศูนย์ธุรกิจและโซนจัดงานแสดงนักท่องเที่ยว ซึ่ง AOT จะพัฒนาโครงการ แต่จะให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการแทน ซึ่ง AOT คาดหวังจะได้รับผลตอบแทนคิดเป็น IRR 30% จากการลงทุนในครั้งนี้
สำหรับการขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสารขึ้นอยู่กับครม.ชุดใหม่ เนื่องจากกรมการบินพลเรือนภายใต้กระทรวงคมนาคม AOT คาดว่าค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร(PSC rate) จะขึ้นได้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดย AOT ใช้นโยบาย ค่าธรรมเนียมผู้โดยสารแตกต่างกันไปในแต่ละสนามบิน โดยขึ้นอยู่กับวิธีต้นทุนส่วนเพิ่ม ซึ่งสะท้อนต้นทุนการดำเนินการในสนามบินของ AOT ได้ดีกว่า (เช่น มีค่าธรรมเนียมผู้โดยสารที่ต่ำกว่าที่สนามบินดอนเมือง แต่จะสูงกว่าที่สนามบินภูเก็ต)