ประกอบกับ บริษัทประสบความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ส่วนทุน และลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน ส่งผลให้กำไรปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายลดอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)ให้เหลือ 1 เท่าภายในปี 59 จาก 3.1 เท่า ณ สิ้นเดือนก.ค.57 โดยตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไปบริษัทจะรับรู้รายได้โซลาร์ฟาร์มครบ 261.1 เมกะวัตต์เต็มปี ทำให้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ก็จะนำไปทยอยชำระหนี้เพื่อลด D/E และเพิ่มศักยภาพด้านเงินทุนรองรับการเติบโตธุรกิจในอนาคต
"เราคาดว่ารายได้น่าจะมากกว่าที่เราเคยวางไว้ หรืออาจถึง 4,000 ล้านบาท จากในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเราทำรายได้ได้เกินเป้า จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าจำนวน 13 โครงการ ขณะที่ในครึ่งปีหลังเราก็จะสามารถรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าเข้ามาได้ทั้งหมดจำนวน 36 โครงการ ส่งผลต่อกำไรสุทธิที่คาดว่าน่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด"นางสาววันดี กล่าว
ขณะที่บริษัทเตรียมลงทุนโครงการพลังงานทดแทน เพื่อสอดรับกับมติคณะกรรมการนโยบายทางพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่เปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงปี 57-58 คาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1 แสนล้านบาท โดยบริษัทฯสนใจเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการโซลาร์ชุมชน ที่กำหนดกำลังการผลิตรวม 80 เมกกะวัตต์, โครงการโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตรวม 576 เมกกะวัตต์ และโครงการโซลาร์รูฟท็อป กำลังการผลิตรวม 69.36 เมกกะวัตต์ ซึ่งบริษัทคาดหวังจะได้งานราว 25% หรือคิดเป็นวงเงินลงทุนโครงการประมาณ 25,000 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรในการลงทุนต่างประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมลงทุนในธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปช่วงปลายปีนี้ โดยการลงทุนดังกล่าว บริษัทฯ จะเข้าร่วมถือหุ้นราว 10% ประเมินวงเงินลงทุนเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ 100 ล้านบาท/เมกะวัตต์