ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะขาดทุนลดลง โดยงวด 6 เดือนแรกมีผลขาดทุนราว 155 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 443 ล้านบาท
บริษัทคาดว่าในไตรมาส 4/59 บริษัทจะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) ระยะทาง 23 กม. โดยคาดจะมีจำนวนผู้โดยสาร 2 แสนเที่ยว/วัน และจะเข้าระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ)ซึ่เป็นเส้นทางปัจจุบันที่เดินรถอยู่ประมาณ 8 หมื่นเที่ยว/วัน ซึ่งจะทำให้บริษัทเริ่มทำกำไรได้หลังการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยบริษัทจะได้รับค่าจ้างเดินรถ 1.7-1.8 พันล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าภาครัฐจะใช้วิธีเจรจาตรงกับบริษัทให้เป็นผู้เดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ)ระยะทาง 27 กม. รวมทั้งการเดินรถอีก 1 สถานีจากบางซื่อไปเตาปูน เพราะการเดินรถจะมีความต่อเนื่องและให้ความสะดวกกับผู้โดยสารที่ไม่ต้องเปลี่ยนรถ ทั้งนี้ หากบริษัทได้เดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถเปิดเดินรถได้ในปี 60 ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการเป็นส่วนๆได้ โดยประมาณการจะมีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 3 แสนเที่ยว/วัน ดังนั้น เชื่อมั่นว่าบริษัทจะมีกำไรในปี 60
"ปี 60 มั่นใจว่ามีกำไร อย่างโตก้าวกระโดด...สายสีน้ำเงินหรือสายเฉลิมรัชมงคล ทั้งวงจะเป็นสายที่มีคนแน่นทั้งวัน จำนวนผู้โดยสารจะแน่นและเดินทางระยะยาวมากขึ้น โดยเส้นปัจจุบันมี 20 กม. รวมกับเส้นต่อขยาย 27 กม."นายสมบัติ กล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทจะจ่ายเงินปันผลในปี 60 หรือไม่นั้น จะมีการพิจารณาอีกครั้ง แต่ขณะนี้บริษัทยังมีขาดทุนสะสมกว่า 1 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมงบลงทุน จำนวน 2 พันล้านบาท เพื่อใช้ซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มเติม โดยขณะนี้รอความชัดเจนจากภาครัฐในการเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ก็จะมีการสั่งซื้อรถในคราวเดียวกัน ปัจจุบัน BMCL มีจำนวน 19 ขบวน ขบวนละ 3 ตู้