ขณะที่บริษัทคาดว่ายอดขายในปีนี้ก็จะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.2 พันล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน และขณะนี้ก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว เขื่อว่าจะส่งผลดีต่อยอดขายเพิ่มขึ้นอีกจากความมั่นใจของผู้บริโภคที่กลับคืนมา ประกอบกับ แรงซื้อที่ถูกชะลอออกไปในช่วงต้นปีจากความไม่มั่นใจกับสถานการณ์ก็จะกลับมาซื้อในช่วงนี้ค่อนข้างมาก
นายสมเชาว์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะสูงขึ้นเป็นกว่า 7% จากปีก่อนที่อยู่เพียง 6.5% เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี ประกอบกับ ปีนี้บริษัทมียอดขายในโครงการเดิมที่เปิดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมีต้นทุนคงที่ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวสูงขึ้น
"ปีนี้รายได้และยอดขายของเราคงจะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้น ทำผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้ยอดที่อั้นมาในช่วงก่อนหน้านี้กลับมาได้ค่อนข้างเร็ว ช่วยให้ช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มก็ดีขึ้น ซึ่งก็ส่งผลดีกับอัตรากำไรสุทธิด้วย เพราะยอดขายรายได้ที่สูงขึ้นแต่ต้นทุนเรายังคงที่ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดีทำให้แนวโน้มอัตรากำไรสุทธิปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น" นายสมเชาว์ กล่าว