บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า หุ้น บมจ.วนชัย กรุ๊ป(VNG)ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2557 และ 2558 ขึ้น 24% และ 15% ตามลำดับ สะท้อนแนวโน้มธุรกิจที่ดีขึ้น และเปลี่ยนวิธีประเมิน Fair Value ใหม่ จากเดิมที่ประเมินโดยอิง PBV 1.12 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 10 ปี มาใช้วิธี PER เพื่อให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวสอดคล้องกับผลกำไรของบริษัท หลัง VNG สามารถกลับมาทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง โดยกำหนด Fair Value อิง PER 15 เท่า จะให้ราคาเหมาะสมในปี 2557 ที่ 6.05 บาท และเพิ่มเป็น 7.19 บาท ในปี 2558
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% ในช่วง 1 เดือน ถือเป็นการสะท้อนปัจจัยบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของผลประกอบการไปมากพอสมควรแล้ว จึงปรับลดคำแนะนำลงจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ"
แนวโน้มผลประกอบการ 3Q57 ยังโดดเด่นต่อเนื่อง ทั้งในส่วนยอดขายและอัตรากำไร โดยยอดขาย คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 10%QoQ เนื่องจากจะมีการบันทึกรายได้จากสินค้า MDF ที่ส่งมอบไม่ทันในช่วงปลาย 2Q57 ส่วนสินค้าอื่นๆทั้ง Particle Board และ Laminate Flooring ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศและความต้องการของตลาดในต่างประเทศ ขณะที่อัตรากำไรคาดว่า Gross margin น่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 22-23% จากการทยอยปรับราคาขายขึ้นอีก 1-2% โดยที่ต้นทุนการผลิตสำคัญ ทั้งเศษไม้ยางพาราและกาวไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม จึงคาดว่างวด 3Q57 VNG น่าจะทำกำไรสุทธิได้ราว 150-200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 30%QoQ แต่หากเทียบกับงวด 3Q56 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 10 ล้านบาท ก็ถือเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดด
ส่วนงวด 2Q57 VNG ทำกำไรสุทธิได้โดดเด่นถึง 126 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรเพียง 66 ล้านบาท หลังโรงงาน Particle Board 3 แห่ง ที่ปิดซ่อมบำรุงไปตั้งแต่ช่วงปลายปี กลับมาเดินเครื่องผลิตเต็มที่อีกครั้งตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา โดยที่ตลาดส่งออก Particle Board สำคัญ คือ เกาหลีใต้ และตลาดในประเทศก็มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้งวด 2Q57 VNG มีรายได้เพิ่มขึ้น 13%QoQ เป็น 2,588 ล้านบาท ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ทั้ง Particle Board และ MDF ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2% จากไตรมาสก่อน โดยที่ต้นทุนการผลิตทั้งเศษไม้และกาวค่อนข้างทรงตัว ช่วยให้ VNG มี Gross margin เพิ่มขึ้นเป็น 21.4% สูงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี เทียบกับไตรมาสก่อนที่ทำได้ 19.1%