สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย (22 ส.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 68,713 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 59,459 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 86.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 4,802 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 7.0% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,162 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB236A และ LB176A (รุ่นอายุ 4.8 ปี, 8.8 ปี และ 2.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,926 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)(PTTEP196A) มูลค่า 203.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด(MPSC156A) มูลค่า 152.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)(TOP273A) มูลค่า 127.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 483.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,270 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,519 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -5,050 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.09% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve แกว่งตัวในกรอบแคบๆ เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯที่ประกาศออกมามีแนวโน้มในเชิงบวก โดยเฉพาะตัวเลข Jobless Claims สิ้นสุดวันที่ 16 ส.ค. ปรับตัวลง 14,000 รายสู่ระดับ 298,000 ราย แสดงถึงตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ด้านตลาดยังคงติดตามการประชุม ธ.กลางโลก ว่าจะมีการส่งสัญญานเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 5,050 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ ลดลง 1,387 ล้านบาท จาก 741,713 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อน เป็น 740,326 ล้านบาท